อุตสาหกรรมปาลม์น้ำมัน ตลาดน้ำมันพืชและน้ำมันปาล์มโลก
กันยายน 2557
ภาวะราคาน้ำมันปิโตรเคมีที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่นานมานี้ ทําให้ทั่วโลกหันมาหาพลังงาน ทดแทน ซึ่งพืชน้ำมันเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ที่สามารถนํามาใช้ผลิตไบโอดีเซลได้ และในบรรดาพืชน้ำมัน ทั่วโลก พบว่า ถั่วเหลืองมีพื้นที่เก็บเกี่ยวมากที่สุดประมาณ 610 ล้านไร่ รองลงมาคือ เมล็ดฝ้าย 200 ล้านไร่ เรปซีด 190 ล้านไร่ ถั่วลิสง 155 ล้านไร่ ปาล์มน้ำมัน 195 ล้านไร่
download PDF
แม้ว่าปาล์มน้ำมันจะมีพื้นที่เก็บเกี่ยวมาก เป็นอันดับ 6 แต่เป็นพืชน้ำมันที่มีศักยภาพสูง เพราะสามารถให้ผลผลิตน้ำมันได้มากถึง 950-1,160 ลิตร/ไร่ ขณะที่ถั่วเหลืองให้ผลผลิตน้ำมันเพียง 70-80 ลิตร/ไร่ (รูปที่ 1) นอกจากนี้ปาล์มน้ำมันยังเป็นพืชที่มี ศักยภาพในการแข่งขันสูงกว่าพืชน้ํามันอื่น ๆ ทําให้สัดส่วนการผลิตน้ำมันปาล์มในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว กล่าวคือ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 28 ในช่วงปี -2544 2548 และในช่วงปี 2549-2556 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 ต่อปี ทั้งนี้นักวิจัยประเมินว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า โลกจะมีความต้องการบริโภคน้ำมันพืช เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 205 ล้านตัน ซึ่งน้ำมันปาล์มจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 46 หรือเกือบครึ่งหนึ่ง ของตลาดโลก ส่งผลให้ปาล์มน้ำมันกลายเป็นพืชที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ไม่เพียงแต่ใช้เป็นน้ำมันพืช ไขมันในอุตสาหกรรมอาหาร หรือนําไปสกัดสารสําหรับการผลิตในอุตสาหกรรมเคมีต่าง ๆ แต่ยังเป็น วัตถุดิบในการผลิตพลังงานทดแทนได้อีกด้วย ดังนั้น หากประเทศไทยสามารถบริหารจัดการอุปสงค์และ อุปทานพืชปาล์มน้ำมันและน้ํามันปาล์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศได้ อย่างยั่งยืน
ในปี 2557 ผลผลิตน้ํามันพืชโลกอยู่ที่ 177 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ร้อยละ 4 และคิดเป็น อัตราการเติบโตในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมาร้อยละ 4.45 โดยน้ำมันปาล์มมีผลผลิตสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านตัน ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองมีผลผลิตรองลงมาอยู่ที่ประมาณ 47 ล้านตัน เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 2.1 ต่อปี ส่วนความ ต้องการใช้น้ำมันพืชของโลกนั้น พบว่าความต้องการใช้น้ำมันปาล์มมีการเติบโตสูงสุดในทิศทางเดียวกับการ เติบโตของผลผลิต โดยเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5.0 ต่อปี ส่วนความต้องการใช้น้ำมันถั่วเหลืองมีอัตราการเติบโต เฉลี่ยร้อยละ 1 ต่อปี ทั้งนี้ ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มมีอัตราเติบโตสูงขึ้นมากเนื่องจากมีการขยายการ เพาะปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ทําให้ผลผลิตปาล์มล้นตลาด ส่งผลให้ราคา น้ำมันดิบของน้ำมันปาล์มต่ำกว่าราคาของน้ำมันถั่วเหลืองประมาณ 300 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ตั้งแต่ปลายปี 2555 แต่ในปัจจุบัน ราคาน้ำมันถั่วเหลืองได้ปรับราคาลงมาจนมีระดับราคาสูงกว่าน้ำมันปาล์มเพียงแค่ 90 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่าความต้องการใช้น้ำมันปาล์มอาจปรับตัวลงเล็กน้อย