พฤษภาคม 2558
สืบเนื่องจากมีผลงานวิจัยที่มีข้อสรุปว่าคาเฟอีน เป็นสารที่ช่วยบรรเทาและลดความเสี่ยงการเกิดโรคอัลไซเมอร์ โดยศาสตราจารย์ Gregory Freund จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบสัญญาณใหม่ เกี่ยวกับคาเฟอีนในการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท ซึ่งพบว่าคาเฟอีนจะเข้าไปหยุดทุกกิจกรรมของ adenosine และยับยั้งเอนไซม์ caspase-1 ที่จะส่งผลให้สมองเกิดการอักเสบ จึงสามารถจำกัด และลดความเสียหายของสมองได้
สืบเนื่องจากมีผลงานวิจัยที่มีข้อสรุปว่าคาเฟอีน เป็นสารที่ช่วยบรรเทาและลดความเสี่ยงการเกิดโรคอัลไซเมอร์ โดยศาสตราจารย์ Gregory Freund จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบสัญญาณใหม่ เกี่ยวกับคาเฟอีนในการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท ซึ่งพบว่าคาเฟอีนจะเข้าไปหยุดทุกกิจกรรมของ adenosine และยับยั้งเอนไซม์ caspase-1 ที่จะส่งผลให้สมองเกิดการอักเสบ จึงสามารถจำกัด และลดความเสียหายของสมองได้
การทดลองกับหนูสองกลุ่มเพื่อจำลองสิ่งที่เกิดขึ้นในสมองระหว่างการหยุดชะงักของการหายใจและการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาด้านความคิดและการเรียนรู้ ผลปรากฎว่า กลุ่มหนูทดลองที่ได้รับคาเฟอีน มีการอักเสบของสมองลดลงและ มีความสามารถในการกู้คืนความทรงจำหลังจากการขาดออกซิเจน เร็วกว่าหนูกลุ่มที่ไม่ได้รับคาเฟอีนร้อยละ 33 จึงพยายามคิดค้นและพัฒนากระบวนการในการสกัดสารคาเฟอีนให้มีประสิทธิภาพและ จากผลการศึกษา พบว่า ตัวทำละลาย Ethyl Lactate ที่เกิดจากกรดแลคติคและเอทานอลมีประสิทธิภาพสูงในการสกัดคาเฟอีน และมีคุณสมบัติย่อยสลายได้ง่าย ซึ่งผลิตได้จากกระบวนการหมักข้าวโพด จึงถือเป็นตัวทำละลายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังถือเป็นครั้งแรกที่สามารถนำสารชีวภาพมาทดแทนสารเคมี
ในกระบวนการทดลอง นักวิศวกรเคมี ได้ทดสอบความสามารถของสารที่รู้จักกันในชื่อ ethyl-2-hydroxy-propanoate หรือ “Ethyl Lactate” เพื่อสกัดคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟและใบชาเขียว ผลการวิเคราะห์โดยใช้กระบวนการสกัดด้วยเครื่องสกัด ASE 350 ของบริษัท Dionex ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงอุณหภูมิ 100 150 และ 200 องศาเซลเซียส พบว่า ณ อุณหภูมิ 200 อาศาเซลเซียส สามารถสกัดสารคาเฟอีนออกมาได้ปริมาณมาก และมีคุณสมบัติในการกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ในปริมาณสูง โดยพบว่า ตัวทำละลาย “Ethyl Lactate” มีประสิทธิภาพในการสกัดคาเฟอีนออกมาได้ถึงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับตัวทำละลายอื่นอย่างเช่น
download PDF ย้อนกลับ