พฤษภาคม 2566
ตลาดขนมขบเคี้ยวของไทยปี 2565 มูลค่า 43,948 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อนร้อยละ 5.1 ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่คลี่คลายลง ทำให้ประชาชนสามารถออกมาใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้าน และสามารถพบปะเพื่อนฝูงได้เป็นปกติ โดยกลุ่มขนมขบเคี้ยวที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ ขนมขบเคี้ยวที่ทำจากถั่ว, เมล็ดพืช และธัญพืชรวม ซึ่งมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของสถานบันเทิง ผับ บาร์ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคมักจะซื้อไปบริโภคคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และนมขบเคี้ยวในกลุ่มอาหารทะเล รวมสาหร่ายที่เพิ่มจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มักนิยมซื้อกลับบ้านไปเป็นของฝาก
ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจำแนกออกเป็น 7 กลุ่ม ได้แก่
ในปี 2565 ขนมขบเคี้ยวในกลุ่มอาหารทะเล (Seafood Snacks) และขนมขบเคี้ยวชนิดอบพอง (Puffed Snacks) เป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญช่วยผลักดันยอดจำหน่ายในตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทย ส่วนด้านการแข่งขันในตลาด พบว่าตลาดขนมขบเคี้ยวของไทยมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากผู้เล่นและแบรนด์ที่มีอยู่จำนวนมากในตลาด ซึ่งผู้เล่นเหล่านี้พยายามสร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุดิบ และรสชาติที่แตกต่างจากคู่แข่ง อีกทั้งยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนให้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การลดโซเดียม หรือการเพิ่มวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อจับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพและยินดีจ่ายในราคาที่สูงขึ้นเพื่อให้ได้บริโภคสินค้าที่มีประโยชน์ ตังอย่างเช่น ซันไบทส์ ผลิตภัณฑ์ขนมข้าวอบกรอบที่มีจุดเด่นอยู่ที่การเพิ่มส่วนผสมอย่าง “ข้าวไรซ์เบอร์รี่” ทำให้มีรสชาติอร่อยเข้มข้น ทั้งยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินต่างๆ อาทิ เบต้าแคโรทีน วิตามินอี วิตามินบี1โอเมก้า3 โดยใช้กรรมวิธีการอบแทนการทด จึงทำให้มีปริมาณไขมันน้อยกว่า 40%
download PDF ย้อนกลับ