เกษตรกรรม
ข้อมูลจาก The Central Intelligence Agency (CIA) ระบุว่า ในปี 2554 ประมาณร้อยละ 31.2 ของพื้นที่ดิน (land area) ทั้งหมดในอินโดนีเซีย เป็นพื้นที่ที่สามารถใช้ประโยชน์ทางเกษตรกรรมได้ โดยมีขนาดประมาณ 565,210 ตารางกิโลเมตร ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก (Arable land) และการปลูกพืชยืนต้น (Permanent cropland) ประมาณ 235,504 และ 219,200 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13 และ 12.1 ของพื้นที่ที่สามารถใช้ประโยชน์ทางเกษตรกรรมได้ทั้งหมดในอินโดนีเซีย ตามลำดับ (รูปที่ 1) โดยจากสถิติพบว่าพื้นที่ทางการเกษตรของอินโดนีเซียได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน
รูปที่ 1: การใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรในอินโดนีเซีย ปี 2554
CIA ปะมาณการว่า ในปี 2558 ภาคเกษตรกรรมของอินโดนีเซียมีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13.6 ของ GDP ทั้งประเทศ และก่อให้เกิดการจ้างงานประมาณ 47.61 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 38.9 ของจำนวนประชากรวัยแรงงานทั้งหมด ในปี 2555 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนแรงงานในภาคเกษตรกรรมของอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่กลับพบว่ามีสัดส่วนของจำนวนแรงงานที่ลดลง จากร้อยละ 55 ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 ลดลงเป็นร้อยละ 45 ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 และลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญของอินโดนีเซีย ได้แก่ น้ำมันปาล์ม ยางพารา โกโก้ กาแฟ ชา มันสําปะหลัง ข้าว โดยในปี 2558 อินโดนีเซียผลิตข้าวได้มากที่สุด มีปริมาณข้าวที่ไม่ได้ขัดสีจำนวน 75 ล้านตัน (ตารางที่ 1) ซึ่งจัดเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากจีนและอินเดีย ทั้งนี้ แม้ว่าอินโดนีเซียจะเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกก็ตาม แต่ยังเป็นผู้นำเข้าข้าวด้วยเช่นกัน เนื่องจากชาวอินโดนีเซียถือเป็นชนชาติที่บริโภคข้าวเป็นจำนวนมาก เฉลี่ยคนละประมาณ 140 กิโลกรัมต่อปี
ตารางที่ 1 ปริมาณการผลิตและการส่งออกผลผลิตการเกษตรที่สำคัญของอินโดนีเซีย ปี 2553-2558