สวัสดี

Monthly Situation

รายงานสถานการณ์อุตสาหกรรมอาหารไทย ประจำเดือนมิถุนายน 2555

มิถุนายน 2555

รายละเอียด :

รายงานสถานการณ์อุตสาหกรรมอาหารไทยรายเดือน

มิถุนายน 2555

 

จำนวนโรงงาน
           ที่ไดเริ่มประกอบกิจการในเดือนพฤษภาคม 2555 มีจํานวน 9 โรงงาน อยูบริเวณภาคอีสาน 4 โรงงาน รองลงมาคือภาค กลาง 3 โรงงาน สวนภาคตะวันออกและภาคใต มีอยางละ 1 โรงงาน โดยมีลักษณะการผลิตแบงออกเปนการผลิตและแปรรูปพืชผลทาง การเกษตร 4 โรงงาน สําหรับการผลิตลําไยอบแหง ผลิตเครื่องปรุงรส ผลิตขนมปนสิบ/ขนมทอด ผลิตน้ําผลไมและขนมขบเคี้ยว และผลิต น้ําแข็ง/น้ําดื่ม มีอยางละ 1 โรงงาน จากจํานวนโรงงานที่เริ่มประกอบ กิจการใหมทั้งหมด มีมูลคาเงินลงทุนรวม 100 ลานบาท โดยสัดสวน รอยละ 53.61 อยูในบริเวณภาคกลาง และมีผลทําใหเกิดการจางงาน เพิ่มขึ้นจํานวน 149 คน โดยอยูในบริเวณภาคกลางมากที่สุด มีจํานวน 70 คน คิดเปนรอยละ 46.98 ของการจางงานใหมทั้งหมด สําหรับ จํานวนโรงงานท่ีเลิกประกอบกิจการในเดือนพฤษภาคม 2555 มีจํานวน 15 โรงงาน อยูบริเวณภาคเหนือและภาคกลาง มีอยางละ 5 โรงงาน ภาคอีสาน มี 4 โรงงาน และภาคใต มี 1 โรงงาน มูลคาเงินลงทุนรวม 144 ลานบาท โดยสัดสวนรอยละ 69.01 อยูในบริเวณภาคเหนือ และมี การเลิกจางงานเพิ่มขึ้นจํานวน 98 คน  
   ภาคอุตสาหกรรมอาหารในชวงเดือนมกราคมเมษายน 2555 มีโครงการที่ไดรับอนุมัติใหการสงเสริมเปนจํานวนทั้งสิ้น 58 โครงการ เงินลงทุนมูลคารวม 13,420 ลานบาท มีการจางงาน จํานวนรวม 6,227 คน สําหรับเดือนเมษายน 2555 มีโครงการที่ไดรับ อนุมัติใหการสงเสริมทั้งสิ้น 16 โครงการ เงินลงทุนรวม 2,950 ลานบาท มีการจางงานรวม 2,445 คน เมื่อเทียบชวงเดียวกันของปกอน พบวา โครงการไดรับอนุมัติมีจํานวนเพิ่มขึ้น 10 โครงการ แตมีมูลคาเงินลงทุน รวมลดลง 630 ลานบาท และมีการจางงานลดลง 301 คน  โดยรวมเงิน ลงทุนสวนใหญอยูในบริเวณภาคอีสาน มีมูลคารวม 1,540 ลานบาท (สัดสวนรอยละ 52.20 ของเงินลงทุนทั้งหมด) โดยเงินลงทุนมีมากที่สุด อยูจังหวัดอุบลราชธานี (มูลคา 801 ลานบาท) ผลิตไกสด/แชแข็ง และ ผลิตอาหารสําเร็จรูป รองลงมาคือปราจีนบุรี (มูลคา 728 ลานบาท) ผลิต ขนมจากธัญพืช สวนการจางงานมากสุดอยูที่จังหวัดอุบลราชธานี มี จํานวน 1,205 คน (สัดสวนรอยละ 49.28 ของการจางงานทั้งหมด) รองลงมาคือปราจีนบุรี มีจํานวน 314 คน (รอยละ 12.84)

 

รายงานสถานการณ์อุตสาหกรรมอาหารไทยรายเดือน

มิถุนายน 2555

 

จำนวนโรงงาน
           ที่ไดเริ่มประกอบกิจการในเดือนพฤษภาคม 2555 มีจํานวน 9 โรงงาน อยูบริเวณภาคอีสาน 4 โรงงาน รองลงมาคือภาค กลาง 3 โรงงาน สวนภาคตะวันออกและภาคใต มีอยางละ 1 โรงงาน โดยมีลักษณะการผลิตแบงออกเปนการผลิตและแปรรูปพืชผลทาง การเกษตร 4 โรงงาน สําหรับการผลิตลําไยอบแหง ผลิตเครื่องปรุงรส ผลิตขนมปนสิบ/ขนมทอด ผลิตน้ําผลไมและขนมขบเคี้ยว และผลิต น้ําแข็ง/น้ําดื่ม มีอยางละ 1 โรงงาน จากจํานวนโรงงานที่เริ่มประกอบ กิจการใหมทั้งหมด มีมูลคาเงินลงทุนรวม 100 ลานบาท โดยสัดสวน รอยละ 53.61 อยูในบริเวณภาคกลาง และมีผลทําใหเกิดการจางงาน เพิ่มขึ้นจํานวน 149 คน โดยอยูในบริเวณภาคกลางมากที่สุด มีจํานวน 70 คน คิดเปนรอยละ 46.98 ของการจางงานใหมทั้งหมด สําหรับ จํานวนโรงงานท่ีเลิกประกอบกิจการในเดือนพฤษภาคม 2555 มีจํานวน 15 โรงงาน อยูบริเวณภาคเหนือและภาคกลาง มีอยางละ 5 โรงงาน ภาคอีสาน มี 4 โรงงาน และภาคใต มี 1 โรงงาน มูลคาเงินลงทุนรวม 144 ลานบาท โดยสัดสวนรอยละ 69.01 อยูในบริเวณภาคเหนือ และมี การเลิกจางงานเพิ่มขึ้นจํานวน 98 คน  
   ภาคอุตสาหกรรมอาหารในชวงเดือนมกราคมเมษายน 2555 มีโครงการที่ไดรับอนุมัติใหการสงเสริมเปนจํานวนทั้งสิ้น 58 โครงการ เงินลงทุนมูลคารวม 13,420 ลานบาท มีการจางงาน จํานวนรวม 6,227 คน สําหรับเดือนเมษายน 2555 มีโครงการที่ไดรับ อนุมัติใหการสงเสริมทั้งสิ้น 16 โครงการ เงินลงทุนรวม 2,950 ลานบาท มีการจางงานรวม 2,445 คน เมื่อเทียบชวงเดียวกันของปกอน พบวา โครงการไดรับอนุมัติมีจํานวนเพิ่มขึ้น 10 โครงการ แตมีมูลคาเงินลงทุน รวมลดลง 630 ลานบาท และมีการจางงานลดลง 301 คน  โดยรวมเงิน ลงทุนสวนใหญอยูในบริเวณภาคอีสาน มีมูลคารวม 1,540 ลานบาท (สัดสวนรอยละ 52.20 ของเงินลงทุนทั้งหมด) โดยเงินลงทุนมีมากที่สุด อยูจังหวัดอุบลราชธานี (มูลคา 801 ลานบาท) ผลิตไกสด/แชแข็ง และ ผลิตอาหารสําเร็จรูป รองลงมาคือปราจีนบุรี (มูลคา 728 ลานบาท) ผลิต ขนมจากธัญพืช สวนการจางงานมากสุดอยูที่จังหวัดอุบลราชธานี มี จํานวน 1,205 คน (สัดสวนรอยละ 49.28 ของการจางงานทั้งหมด) รองลงมาคือปราจีนบุรี มีจํานวน 314 คน (รอยละ 12.84)

 

ภาพรวมภาวะการผลิต

           อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ในเดือนเมษายน 2555 ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับชวง เดียวกันของปกอน โดยมีอัตราการใชกําลังการผลิตอยูที่ระดับ 55.91 ปรับเพิ่มขึ้นรอยละ 3.94 ในกลุมสินคาที่มีอัตราการใช กําลังการผลิตปรับเพิ่มขึ้นที่สําคัญ ไดแก ปลาซารดีนกระปอง (ปรับเพิ่มขึ้นรอยละ 30.53) อาหารกุงสําเร็จรูป (29.16) อาหาร ปลาสําเร็จรูป (28.23) แปงมันสําปะหลัง (25.23) นมพรอมดื่ม (24.81) เนื้อไกแชแข็งและแชเย็น (22.07) อาหารไกสําเร็จรูป (17.75) อาหารสุกรสําเร็จรูป (9.84) น้ํามันถั่วเหลืองบริสุทธิ์ (5.87) และน้ําตาลทรายขาว (3.66) ตามลําดับ สําหรับสินคาที่มี อัตราการใชกําลังการผลิตปรับลดลง ไดแก น้ําตาลทรายดิบ (ลดลงรอยละ 35.19) เครื่องปรุงรส (28.52) สับปะรดกระปอง (25.85) น้ําผลไม (23.73) กุงแชแข็ง (19.83) น้ํามันปาลม บริสุทธิ์ (17.22) และปลาทูนากระปอง (5.58) ตามลําดับ จาก กําลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในกลุมสินคาดังกลาว สงผลทําใหดัชนี ผลผลิต (ถวงน้ําหนักมูลคาเพิ่ม) อุตสาหกรรมอยูที่ระดับ 154.25 เพิ่มขึ้นรอยละ 4.46 จากชวงเดียวกันของปกอน และ จากผลผลิตโดยรวมในกลุมสินคาท่ีปรับเพิ่มขึ้น ไดสะทอนภาพ ความตองการของตลาดที่ปรับเพิ่มขึ้นในกลุมสินคาอาหารสัตว ปลากระปอง แปงมันสําปะหลัง ผลิตภัณฑนม เนื้อไกแชแข็ง/แช เย็น และน้ํามันถั่วเหลืองบริสุทธิ์ โดยดัชนีการสงสินคาปรับ เพิ่มขึ้นรอยละ 0.47 อยูที่ระดับ 139.62 ขณะที่ดัชนีสินคา สําเร็จรูปคงคลังปรับเพิ่มขึ้นรอยละ 7.58 จากชวงเดียวกันของป กอน โดยอยูที่ระดับ 231.76  ดวยอัตราการใชกําลังการผลิตที่ เพิ่มขึ้น รวมทั้งปริมาณสินคาคงคลังที่มีสะสมกอนหนา สงผลให สินคาคงคลังในกลุมที่สําคัญยังคงเพิ่มขึ้น ไดแก สับปะรด กระปอง (เพิ่มขึ้นรอยละ 150.56) น้ํามันถั่วเหลืองบริสุทธิ์ (141.27) เนื้อไกแชแข็งและแชเย็น (103.00) น้ําผลไม (89.82) นมพรอมดื่ม (74.03) อาหารไกสําเร็จรูป (35.71) น้ํามันปาลม บริสุทธิ์ (27.69) และแปงมันสําปะหลัง (14.05)  

download PDF ย้อนกลับ

สถาบันอาหาร

อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ เพื่อสถาบันอาหาร

2008 ซ.อรุณอมรินทร์ 36 ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700

Google map

ติดต่อสอบถาม

Email : fic@nfi.or.th
หรือ Call center
contact-img

0-2422-8688 ต่อ 3121
โทรสาร : 02-4228527