ตุลาคม 2568
ตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 149-152 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตถึง 248-250 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2573 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 8.9-10.4% แรงหนุนหลักคือกระแสใส่ใจสุขภาพ เครื่องดื่มพร้อมดื่ม และนวัตกรรมส่วนผสมใหม่ๆ
บทวิเคราะห์ของบริษัทวิจัย Grand View Research ระบุว่า ผู้บริโภคทั่วโลกหันมามองหาเครื่องดื่มที่ “ให้อะไรมากกว่าน้ำ” ทั้งด้านพลังงาน ภูมิคุ้มกัน การทำงานของสมอง และสุขภาพลำไส้ ส่งผลให้กลุ่มพร้อมดื่ม เช่น น้ำผลไม้เพิ่มคุณค่า น้ำอัดลมฟังก์ชันนัล และชาเครื่องดื่มสุขภาพเติบโตโดดเด่น
หนึ่งในเมกะเทรนด์สำคัญคือ “เครื่องดื่มเฉพาะบุคคล (personalised)” ที่ออกแบบสูตรให้สอดคล้องกับเป้าหมายสุขภาพและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ตั้งแต่การเลือกสารออกฤทธิ์ ไปจนถึงเทคโนโลยีการนำส่งสารอาหาร เช่น ไมโครแคปซูล หรือฟอร์แมตออกฤทธิ์ต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ส่วนผสมดาวรุ่งอย่าง “ครีเอทีน” ถูกนำมาใช้ในวงกว้างกว่าตลาดฟิตเนส สู่กลุ่มคนทั่วไปที่สนใจพลังงาน สมรรถภาพสมอง และการชะลอวัย ส่วน “แลคโตเฟอร์ริน” โปรตีนจากนมที่เด่นด้านภูมิคุ้มกันและลำไส้ เป็นอีกตัวเต็ง แม้ปัจจุบันติดข้อจำกัดด้านปริมาณการผลิต
ด้านเทรนด์ “ไฮเดรชันอัจฉริยะ” เน้นเครื่องดื่มน้ำตาลต่ำ เติมอิเล็กโทรไลต์ และอ่านฉลากง่าย กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่ตระหนักว่าการขาดน้ำมีผลต่อพลังงานและสมาธิในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ ช่องทางการจำหน่ายผ่านอีคอมเมิร์ซที่ขยายตัวสูง เทรนด์การจัดหาที่ยั่งยืน สูตรไร้น้ำตาล/แคลอรีต่ำ และผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับนักฟิตเนสและกลุ่มประชากรเป้าหมาย
download PDF ย้อนกลับ