กันยายน 2560
FinTech (Financial Technology) หรือ นวัตกรรมทางการเงิน เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในเรื่องของการเงิน ได้แก่ ตู้ ATM การจ่ายด้วยบัตรเครดิต รูดผ่านเครื่องรูด จ่ายด้วยบัตรเครดิตผ่านระบบออนไลน์ จ่ายเงินผ่านทาง Paypal จ่ายเงินผ่านระบบการเงินต่าง ๆ เช่น Rabbit pay, mPay, AliPay และ Line pay เป็นต้น
สาระสำคัญของข่าว
FinTech (Financial Technology) หรือ นวัตกรรมทางการเงิน เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในเรื่องของการเงิน ได้แก่ ตู้ ATM การจ่ายด้วยบัตรเครดิต รูดผ่านเครื่องรูด จ่ายด้วยบัตรเครดิตผ่านระบบออนไลน์ จ่ายเงินผ่านทาง Paypal จ่ายเงินผ่านระบบการเงินต่าง ๆ เช่น Rabbit pay, mPay, AliPay และ Line pay เป็นต้น
จากรายงานสำรวจของ EY หนึ่งในบริษัทตรวจสอบบัญชีที่ใหญ่ที่สุดในโลกเผยว่า จีนเป็นประเทศที่เปิดรับเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) มากที่สุดในโลก จากจำนวน 20 ประเทศระดับแนวหน้าที่ใช้เทคโนโลยีนี้ มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 69 จากผู้ใช้บริการ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ร้อยละ 33 และบริษัท EY ได้จัดทำรายงานสำรวจผู้ใช้ บริการ FinTech (EY FinTech Adoption Index 2017 The rapid emergence of FinTech) พบว่าในปี 2560 การใช้ FinTech ของทั่วโลกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา และ 20 ประเทศแนวหน้าที่มีการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน(FinTech) มากที่สุด ได้แก่ จีน ร้อยละ 69, อินเดีย ร้อยละ 52, สหราชอาณาจักร ร้อยละ 42, บราซิล ร้อยละ40, ออสเตรเลีย ร้อยละ 37, สเปน ร้อยละ 37, เม็กซิโก ร้อยละ 36, เยอรมนี ร้อยละ 35, แอฟริกาใต้ ร้อยละ35, สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 33, ฮ่องกง ร้อยละ 32, เกาหลีใต้ ร้อยละ 32 สวิตเซอร์แลนด์ ร้อยละ 30, ฝรั่งเศส ร้อยละ 27, เนเธอร์แลนด์ ร้อยละ 27, ไอร์แลนด์ ร้อยละ 26, สิงคโปร์ ร้อยละ 23, แคนาดา ร้อยละ18, ญี่ปุ่น ร้อยละ 14, เบลเยียมและลักเซมเบิร์ก ร้อยละ 13 โดยอัตราเติบโตโดยรวมในกลุ่มตลาดใหม่ ได้แก่ บราซิล, จีน, อินเดีย, เม็กซิโก และแอฟริกาใต้ มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 46 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ร้อยละ 33 และจากการใช้บริการ FinTech ของจีนที่เพิ่มขึ้นเกิดจากแรงผลักดันของระบบการเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยการชำระเงินผ่านมือถือ และการเพิ่มขึ้นของผู้บริโภคชนชั้นกลางซึ่งส่งผลต่อการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น บริการโอนเงินและการชำระเงินก็เป็นอีกปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันให้ FinTech เติบโตอย่างรวดเร็ว และจากการสำรวจพบอีกว่า ร้อยละ 64 ของผู้ใช้บริการ FinTech เป็นผู้ใช้บริการผ่านทาง Fintech ในการบริการจัดการธุรกรรมทุกอย่าง และร้อยละ 13 เป็นผู้ใช้งานทั่วไปที่ใช้บริการ Fintech ราว 5 รายการ หรือมากกว่านั้น ซึ่งรวมถึงการโอนเงิน และการวางแผนการลงทุนเงินฝาก สินเชื่อ และการประกันภัย และคาดว่าภายในสองปีข้างหน้า การเติบโตของ Fintech จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีค่าเฉลี่ยการใช้บริการทั่วโลกอยู่ที่ราวร้อยละ 52 ส่วนภาคการประกันภัยค่อนข้างต่ำกว่าการชำระเงิน และการโอนเงิน แต่ก็มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดจากร้อยละ 8 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 24 ในปี 2560 และคาดว่าจะขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 50 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของระบบการชำระเงินแบบดิจิทัล ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของยอดรวมทั่วโลก ครองตลาดระบบการกู้ยืมเงินคิดเป็นสัดส่วน 3 ใน 4 ของตลาดโลก โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทที่ให้บริการ FinTech 5 อันดับแรกของโลก เป็นบริษัทของประเทศจีน 4 แห่ง โดย แอนท์ไฟแนนเชียล เป็นบริษัท Fintech ที่ใหญ่ที่สุดของจีนมีมูลค่าบริษัทราว 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเท่ากับ ยูบีเอส ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์
ปัจจุบัน จีนคือศูนย์กลาง Fintech ของโลก ขณะที่ลอนดอน, นิวยอร์ก และซิลิคอนแวลลีย์ ชิงตำแหน่งกันในระดับภูมิภาค การเติบโตของ Fintech ในประเทศจีนนั้น ถือได้ว่าจีนเข้ามาถูกจังหวะ และด้วยความพร้อมอีกทั้งนโยบายปฏิรูปการพัฒนาศูนย์กลางการเงินหลายแห่งในประเทศ อาทิ ซั่งไห่, หังโจว, เป่ยจิง อยู่ในระดับที่ซึ่งไม่เคยมีในตลาดมาก่อน ขณะที่ธนาคารและสถาบันการเงินทางตะวันตก พยายามมองหาแนวทางในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ หลังยุควิกฤตการเงินยุโรป แต่จีนได้เป็นผู้นำด้านการปฏิวัติบริการทางการเงินในหลาย ๆ ด้านไปแล้ว
ความคิดเห็น
การเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารไม่ควรมองแต่คู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันเพียงอย่างเดียว ควรมองข้ามกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมทางการเงินในด้านการใช้เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและเติบโตไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งจากการเติบโตของอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ทำให้การซื้อขาย การโอนเงินระหว่างประเทศมีความคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงควรให้ความสนใจและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ หากไม่มีการปรับตัวสิ่งเหล่านี้อาจเป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจในอนาคตเห็นได้จากการปรับตัวอย่างรวดเร็วของประเทศมหาอำนาจ เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีการใช้ FinTech เติบโตแบบก้าวกระโดดและขึ้นเป็นผู้นำด้านนี้ไปแล้ว หรืออาจกล่าวได้ว่ากำลังเป็นประเทศไร้เงินสด ที่น่าจับตามองอีกประเทศหนึ่ง
ที่มา :