19 กุมภาพันธ์ 2559
ชื่อเรื่อง : การทำสาโทเพื่อเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์
ผู้วิจัย/ผู้เรียบเรียง : นางสาวสุวนา ว่องเกื้อกูล นางสาว อรวรรณ ป้องวิเศษ
คณะทำงาน/อาจารย์ที่ปรึกษา : ดร. วิมลศิริ พรทวีวัฒน์
ที่มา : ปัญหาพิเศษ เรื่อง การทำสาโทเพื่อเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ปีการศึกษา 2544
แหล่งสืบค้นฉบับเต็ม : หอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
กลุ่มสินค้า : 1551 สุราและเครื่องดื่มที่ได้จากเอทิลแอลกอฮอล์
เทคโนโลยี : เทคโนโลยีชีวภาพและการหมัก
Keyword : สาโท ข้าวเหนียว ลูกแป้งข้าวหมาก ยีสต์ การหมัก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การทำสาโทเพื่อเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์
สาโทเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พื้นบ้านที่ได้จากการหมักข้าวเหนียวด้วยลูกแป้งเหล้า คุณภาพของสาโทขึ้นอยู่กับลูกแป้ง โดยปกติลูกแป้งเหล้าในการหมักสาโทจะประกอบด้วยกล้าเชื้อ 2 ชนิดผสมกัน คือ เชื้อราและเชื้อยีสต์ ทำให้เกิดการสร้างน้ำตาลและแอลกอฮอล์เกิดขึ้นพร้อมๆกัน ปริมาณแอลกอฮอล์จึงต่ำ ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงต้องการปรับปรุงการทำสาโทเพื่อเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์ โดยแบ่งช่วงการหมักออกเป็น 2 ช่วงที่เหมาะสมกับการทำงานของเชื้อ โดยขั้นแรกเปรียบเทียบความสามารถในการย่อยแป้งของเชื้อ จุลินทรีย์ และคุณสมบัติของลูกแป้งข้าวหมากจาก 3 แหล่ง คือ ลูกแป้งจากสุรินทร์ ลูกแป้งจากบางปะกอก และลูกแป้งจากบางแค พบว่า ลูกแป้งจากสุรินทร์ให้ปริมาณ Reducing sugar สูงถึง 169.54 mg/ml รองลงมาคือลูกแป้งจากบางปะกอกและบางแค ให้ปริมาณ Reducing sugar 155.35 mg/ml และ 143.56 mg/ml ตามลำดับ เมื่อทดสอบความสามารถในการย่อยแป้งพบว่า ลูกแป้งจากสุรินทร์สามารถย่อยแป้งได้ดีกว่าจากอีก 2 แหล่ง แสดงว่าลูกแป้งจากสุรินทร์มีเชื้อจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการสร้างเอนไซม์อะไมเลสเพื่อย่อยแป้งเป็นน้ำตาลได้ดีที่สุด
ในขั้นตอนการเปลี่ยนน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ ได้เปรียบเทียบการหมักสาโทโดยการเติมยีสต์และไม่เติมยีสต์ของลูกแป้งข้าวหมากจากทั้ง 3 แหล่งพบว่าการหมักสาโทโดยการเติมยีสต์จะได้ปริมาณแอลกอฮฮล์มากกว่าวิธีที่ไม่เติมยีสต์ และสาโทที่หมักด้วยลูกแป้งจากสุรินทร์มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงสุด คือ 15.9 % รองลงมาคือ สาโทที่หมักด้วยลูกแป้งจากบางปะกอกและบางแค มีปริมาณแอลกอฮอล์ 14.3 % และ 12.1 % ตามลำดับ