19 กุมภาพันธ์ 2559
ชื่อเรื่อง : การใช้กรดอะมิโนซีสเตอีนทดแทนสารประกอบซัลเฟอร์ ในการยืดอายุการเก็บน้ำมะนาว
ผู้วิจัย/ผู้เรียบเรียง : ศิวาพร ศิวเวชช และคณะ
คณะทำงาน/อาจารย์ที่ปรึกษา : เสาวภาคย์ วัฒนพาหุ และ ประศาสตร์ ฟูตระกูล
ที่มา : บทความวิจัยเรื่อง การใช้กรดอะมิโนซีสเตอีนทดแทนสารประกอบ ซัลเฟอร์ ในการยืดอายุการเก็บน้ำมะนาว
แหล่งสืบค้นฉบับเต็ม : วารสารอาหาร ปีที่32 ฉบับที่3 กรกฎาคม-กันยายน พ.ศ.2545
กลุ่มสินค้า : 1513 ผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้
เทคโนโลยี : การแปรรูปโดยใช้ความร้อน
Keyword : กรดอะมิโน ซีสเตอีน ซัลเฟอร์ น้ำมะนาว
การใช้กรดอะมิโนซีสเตอีนทดแทนสารประกอบซัลเฟอร์ ในการยืดอายุการเก็บน้ำมะนาว
การเปลี่ยนแปลงสี กลิ่นและรสของน้ำมะนาวนั้น มักมีสาเหตุจากการเกิดการเปลี่ยนแปลงของกรดแอสคอร์บิก ไปเป็นสารประกอบเฟอฟูรอล (furfural) ซึ่งทำให้น้ำมะนาวมีสีน้ำตาล การเปลี่ยนแปลง ดังกล่าวสามารถเกิดได้ในสภาวะที่เป็นกรด มีแสงและก๊าซออกซิเจน รวมทั้งการมีโลหะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลง และได้มีการนำสารจับโลหะและสารประกอบซัลไฟต์ เช่นโซเดียมเมตาไบซัลไฟต์ (KMS) เพื่อช่วยในการลดการเปลี่ยนแปลงของกรดแอสคอร์บิก แต่ต่อมาพบว่า สารประกอบซัลไฟต์ เป็นสาเหตุของอาการแพ้ โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคหอบหืด ดังนั้นจึงได้มีการศึกษาเพื่อหาสารที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคโดยทั่วไป จึงพบว่าการใช้ ซิสเตอีน (cysteine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง อีกทั้งยังสามารถยับยั้งการเกิดสีน้ำตาลได้อีกด้วย
1. วัสดุและอุปกรณ์
1.1 มะนาวพันธุ์แป้น ผิวสีเขียว อายุ 14-15 สัปดาห์
1.2 โซเดียมไฮโปคลอไรซ์ (NaOCl)
1.3 กรดแอสคอร์บิก (L-Ascorbic acid)
1.4 กรดอะมิโนซีสเตอีน (L-Cysteine)
1.5 เครื่องคั้นน้ำมะนาวแบบลูกกลิ้ง
1.6 อุปกรณ์การพาสเจอร์ไรซ์น้ำมะนาว
จากการศึกษาพบว่า การใช้กรดอะมิโนซีสเตอีนที่ระดับความเข้มข้น 20 มิลลิโมลาร์ เพียงพอต่อการปรับปรุงคุณภาพของน้ำมะนาว และพบว่าที่ความเข้มข้นดังกล่าว ยังให้คุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับน้ำมะนาวสดมากกว่าการเติมสารประกอบซัลเฟอร์ อีกทั้งยังไม่พบการเจริญของจุลินทรีย์ตลอดระยะเวลาการเก็บที่อุณหภูมิห้องนาน 8 สัปดาห์ ซึ่งจากผลการทดสอบแสดงให้เห็นแล้วว่า การใช้กรดอะมิโนซีสเตอีน สามารถถนอมรักษาน้ำมะนาวได้ ทดแทนการใช้สารประกอบซัลเฟอร์