พฤษภาคม 2566
ตอนที่แล้วเราเห็นผลกระทบเชิงลบของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปแล้ว ตอนนี้เราจะชี้ให้เห็นถึงผลกระทบด้านบวกของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีต่อประเทศต่างๆ รวมถึงไทยด้วย เราจะมาดูกันว่า ประเทศไหนเป็นผู้นำ ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ้าง และโอกาสของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทยจะเป็นอย่างไร ทั้งในประเทศและตลาดโลก
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำรายได้มหาศาลให้กับหลายประเทศ
ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยมแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ตามปริมาณแอลกอฮอล์ ในหน่วยบริโภค คือ (1) เบียร์ (2) ไวน์ และ (3) สุรา (วิสกี้/บรั่นดี/วอดก้า) โดยเบียร์เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกและยังเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ มีแอลกอฮอล์ อยู่ระหว่าง 4-6% ส่วนไวน์มีแอลกอฮอล์ 15-20% ขณะที่เหล้าหรือสุรามีแอลกอฮอล์ระหว่าง 40-60% โดยสุรา มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น เหล้ารัม บรั่นดี และวิสกี้ ทั้งหมดเป็นสุราที่ได้จากกระบวนการกลั่น ความแตกต่าง ที่สำคัญ ระหว่างสุราทั้งสามชนิด คือส่วนผสมหลักที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ โดยเหล้ารัมทำจากน้ำอ้อยหรือผลิตภัณฑ์พลอยได้ บรั่นดีทำจากการกลั่นไวน์ วิสกี้ทำมาจากธัญพืชบดหมัก
ประเทศที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดดเด่นที่สุดในโลก ได้แก่ ฝรั่งเศส ในแต่ละปีฝรั่งเศสทำรายได้จากการส่งออกกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 700,000 ล้านบาท มากกว่าอันดับที่ 2 และ 3 ของโลก อย่างสหราชอาณาจักรและอิตาลี ราวสองเท่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส คือ ไวน์ ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีชื่อเสียงของสหราชอาณาจักร ได้แก่ วิสกี้ (รู้จักในนามสก็อตวิสกี้) โดยแต่ละประเทศมีจุดแข็งจากวัตถุดิบหลักในการผลิต การพัฒนาและสะสมองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือแม้แต่เรื่องราว (Story) ที่ส่งผลดีต่อความสามารถในการแข่งขันเฉพาะตัว จนได้รับความเชื่อมั่นและการยอมรับจากผู้บริโภค
download PDF ย้อนกลับ