Monthly Situation

สรุปภาวะอุตสาหกรรมอาหารไทย เดือนพฤษภาคม และแนวโน้มการส่งออกและสัญญาณเตือนภัย เดือนมิถนายน 2568

กรกฎาคม 2568

รายละเอียด :

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารของไทยเดือนพฤษภาคม 2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 มีอัตราการใช้กำลังการผลิตร้อยละ 49.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 47.5 ในเดือนเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากผู้ประกอบการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อสอดรับต่อความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ตามสต๊อกสินค้าจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่ประกาศ ในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับวัตถุดิบสินค้าเกษตรของไทยหลายรายการมีปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลบวกต่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรมการแปรรูป กลุ่มสินค้าหลักที่มีการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สับปะรดกระป๋อง (+67.9%), น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายบริสุทธิ์ (+21.4%), กุ้งแช่แข็ง (+6.4%), แป้งมันสำปะหลัง (+4.9%) , เนื้อไก่แช่แข็งและแช่เย็น (+4.5%) โดยกลุ่มสินค้าหลักที่มีการผลิตหดตัว ได้แก่ กาแฟปรุงสำเร็จชนิดผง (-9.8%) , บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (-5.3%) และปลาทูน่ากระป๋อง (-3.7)

การบริโภคในประเทศเดือนพฤษภาคม 2568 ชะลอตัวลงหลังจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 (YoY) โดยมีปัจจัยมาจากต้นทุนวัตถุดิบโดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรและวัตถุดิบนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาดโลก  ประกอบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงซบเซา ส่งผลทำให้การบริโภคอ่อนตัวลงตามไปด้วย สำหรับกลุ่มสินค้าที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น และกดดันการบริโภค ได้แก่ เครื่องประกอบอาหาร (+5.9%),  เนื้อสัตว์และสัตว์น้ำ (+5.3%), อาหารสำเร็จรูป (+2.6%) , เครื่องดื่ม    ไม่มีแอลกอฮอล์ (+4.4%), ผลไม้แปรรูปและอื่นๆ (+3.2%)

การส่งออกสินค้าอาหารของไทยในเดือนพฤษภาคม ปี 2568 มีมูลค่า 173,887 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -1.6 (YoY)    แม้ผู้นำเข้าจะเร่งสะสมสต๊อกสินค้าเพิ่มขึ้น แต่สร้างผลกระทบต่อความต้องการนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้า หดตัวลง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าปลาทูน่ากระป๋อง และอาหารพร้อมรับประทานที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อที่ลดลง ขณะเดียวกันผู้ส่งออกไทยได้รับผลกระทบจากการลดลงของรายได้ ตามราคาสินค้าเกษตรอาหารที่ปรับตัวลดลง รวมทั้งการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศคู่แข่งที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ต่อความต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยที่รุนแรงกว่า