4 กรกฎาคม 2559
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา คณะกรรมการสหภาพยุโรป ได้ออกประกาศ COMMISSION REGULATION (EU) 2016/479 of 1 April 2016 Amending Annex II to Regulation (EC) No 1333/2008 of the European Parliament and of the Council as regards the use of steviol glycosides (E 960) as a sweetener in certain energy-reduced or with no added sugars beverage โดยมีการแก้ไขข้อกำหนดในการใช้สารสกัดจากหญ้าหวานในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม รวม 3 กลุ่ม ดังนี้
1. ชา กาแฟ และเครื่องดื่มสมุนไพรไม่เกิน 30 มิลลิกรัม/ลิตร
2. ผลิตภัณฑ์กาแฟผงสำเร็จรูปที่มีการแต่งกลิ่นและผลิตภัณฑ์คาปูชิโน่สำเร็จรูปไม่เกิน 30 มิลลิกรัม/ลิตร
3. ผลิตภัณฑ์จากมอลต์และช็อคโกแลต/เครื่องดื่มรวคาปูชิโน่ไม่เกิน 30 มิลลิกรัม/ลิตร
หญ้าหวาน (Stevia) เป็นพืชพื้นเมืองของประเทศบราซิลและทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศปารากวัย ซึ่งเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุยืน มีลักษณะคล้ายต้นกะเพรา ใบมีรสหวานที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งพบว่าหญ้าหวานมีสารให้ความหวานหลักเป็นกลุ่มสตีวิออล ไกลโคไซด์ (Steviol glycoside) โดยมีสารประกอบที่มากที่สุด คือ สเตวิโอไซด์ (Stevioside) รองลงมาคือ รีบาวดิโอไซด์ เอ (Rebaudioside A) สำหรับสดิวิโอไซด์เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งมีความหวาน 300 เท่าของน้ำตาลทราย ส่วนรีบาวดิโอไซด์ เอ มีความหวานมากกว่า คือ 450 เท่าของน้ำตาล จึงถูกใช้เป็นสารให้ความหวานในอุตสาหกรรม รวมทั้งในสหภาพยุโรป สำหรับในประเทศไทยการนำหญ้าหวานมาใช้ต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 360) พ.ศ.2556 เรื่อง สตีวิออล ไกลโคไซด์ โดยหญ้าหวานปลูกได้ในภาคเหนือของไทย เนื่องจากหญ้าหวานจะขึ้นได้ดีในสภาพอากาศค่อนข้างเย็น
ทั้งนี้ ข้อกำหนดดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 22 เดือนเมษายน 2559 เป็นต้นไป
download PDF ย้อนกลับ