2. ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่มีกระบวนการแปรรูปที่ครบวงจรภายในประเทศ ทำให้สามารถใช้วัตถุดิบได้คุ้มค่า และมีความได้เปรียบจากขนาดการผลิตเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

3. แรงงานของไทยมีศักยภาพและความชํานาญในการแปรรูปอาหารโดยเฉพาะขั้นตอนสําคัญในการผลิตทูน่ากระป๋อง เช่น การแยกหัวปลา การเลาะก้างปลา

4. ผู้ประกอบการไทยมีการรวมกลุ่มอุตสาหกรรมและธุรกิจเกื้อหนุนอย่างชัดเจน รวมทั้งยังติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิดความยืดหยุ่นและรวดเร็วในการปรับตัว

5. ผู้ประกอบการไทยนำเทคโนโลยีการผลิตและกระบวนการผลิตที่ทันสมัยมาใช้อย่างต่อเนื่องและมีความรวดเร็วกว่าประเทศคู่แข่ง

6. ผู้ประกอบการไทยมีการสร้างและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ากระป๋องอย่างต่อเนื่อง

จุดอ่อน (Weakness)

1. ลักษณะภูมิประเทศของไทยไม่เหมาะกับการอาศัยของปลาทูน่า ทําให้การจับปลาทูน่าจะต้องแล่นเรือออกไปถึงน่านน้ำสากล

2. ผู้ประกอบการไทยไม่มีกองเรือทูน่าที่เข้มแข็งเป็นของตนเอง ทําให้เสียสิทธิ์บางประการจากประเทศคู่ค้า เช่น สหภาพยุโรป

3. ไม่สามารถใช้วัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้านได้ เนื่องจากรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านไม่อนุญาตการส่งออกปลาที่มีชีวิตที่จับได้ เช่น ประเทศฟิลิปปินส์

4. ผู้ประกอบการไทยต้องพึ่งพาวัตถุดิบนําเข้าถึงร้อยละ 80 ของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตทั้งหมด

5. ค่าแรงงานขั้นต่ำของไทยที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง ทําให้ลดการได้เปรียบในการแข่งขัน, การขาดแคลนแรงงานจํานวนมากเนื่องจากการเคลื่อนย้ายเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมเมือง จึงต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีกฎระเบียบ และความยุ่งยากในการดูแลมากยิ่งขึ้น

6. ผู้ประกอบการไทยมีต้นทุนด้านบรรจุภัณฑ์อลูมิเนียมค่อนข้างสูงเนื่องจากต้องพึ่งพาการนำเข้า

7. ราคาขายปลีกปลาทูน่ากระป๋องของไทยที่ขายในตลาดเพื่อนบ้านมีราคาสูงกว่าราคาของคู่แข่งในท้องถิ่น

7. ชื่อเสียงของรสชาติอาหารไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับในต่างประเทศ อีกทั้งมีตราสินค้าเป็นที่รู้จัก