Technology & Innovation

Indoor Farming ได้รับความสนใจในมาเลเซีย เพื่อลดการนำเข้าอาหาร

กุมภาพันธ์ 2567

รายละเอียด :

มาเลเซียพึ่งพาการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวัตถุดิบ เช่น ข้าวสาลีและผลิตภัณฑ์จากนม จากข้อมูลของกรมสถิติ การนำเข้าอาหารของประเทศมาเลเซีย ในปี 2565 มีมูลค่ารวม 75.6 พันล้าน ริงกิตมาเลเซีย  เปรียบเทียบกับการส่งออกมูลค่า 44.66 พันล้านริงกิต  ส่งผลให้การขาดดุลการค้าผลิตภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้น 31.1 พันล้านริงกิต  ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึงร้อยละ 24.3

เนื่องจากความพอเพียงด้านอาหารในเมืองต่าง ๆ  โดยเฉพาะในหุบเขากลางลดลงอย่างต่อเนื่อง การทำฟาร์มแนวตั้งในร่ม (indoor vertical farming ) ในครอบครัวที่อาศัยเขตในเมืองจึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวคิดการทำฟาร์มแนวตั้งในร่มได้เริ่มแสดงให้เห็นข้อดีของมันในฐานะความหวังที่มีแนวโน้มในการยกระดับความพอเพียงด้านอาหาร และแบ่งเบาภาระอันเป็นผลจากค่าครองชีพที่สูง

การทำฟาร์มแนวตั้งในร่มในมาเลเซียได้รับความสนใจในฐานะวิธีการผลิตอาหารที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ นวัตกรรมใหม่นี้เกี่ยวข้องกับการปลูกพืชในชั้นที่วางซ้อนกันในแนวตั้ง ซึ่งช่วยให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้นในพื้นที่ขนาดเล็กเมื่อเทียบกับวิธีการทำฟาร์มแบบดั้งเดิม  แนวคิดนี้มีส่วนช่วยอย่างมากต่อความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจของครอบครัวในเมืองและความพอเพียงด้านอาหาร ในทางหนึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบอาหารในท้องถิ่น

โครงการเกษตรกรรมแนวตั้งหลายโครงการในมาเลเซียใช้ระบบไฮโดรโพนิกส์และแอโรโพนิกส์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปลูกพืชในน้ำที่อุดมด้วยสารอาหารหรือหมอกโดยไม่ใช้ดิน วิธีการเหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงเนื่องจากใช้น้ำ พื้นที่ และเวลาน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเทคนิคการทำฟาร์มแบบเดิม  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเติบโตและผลผลิตของพืชผล ฟาร์มแนวดิ่งที่นี่บูรณาการเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ระบบอัตโนมัติ และระบบควบคุมสภาพอากาศ ช่วยติดตามและรักษาสภาพการเจริญเติบโต เพื่อให้มั่นใจถึงการเติบโตและผลผลิตที่เหมาะสมที่สุด

การมีส่วนร่วมของชุมชนจำเป็นต้องมีการริเริ่มอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการทำฟาร์มแนวตั้งและประโยชน์ของการทำฟาร์มแนวตั้ง ด้วยจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ สัมมนา และการสาธิตเพื่อส่งเสริมการนำวิธีการผลิตอาหารอย่างยั่งยืนมาใช้  นอกจากนี้ โครงการชุมชนและความร่วมมือกับโรงเรียนจะช่วยสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการทำฟาร์มแนวตั้งเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงด้านอาหาร