ธันวาคม 2566
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาหารทั่วโลกในปี พ.ศ. 2567 คาดว่าจะชะลอตัว หลังจากราคาผันผวนตลอดช่วง สามปีอันเนื่องมาจากภาวะสงคราม สภาพอากาศ ต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ตามรายงานประจำปี Agri Commodity Markets Outlook ของ Rabobank
ที่ผ่านมา ราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง เป็นหนึ่งในปัจจัยเบื้องหลังที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อด้านอาหารมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการผ่อนปรนราคาและมีผลผลิตพร้อมจำหน่าย แต่ Rabobank ยังคงคาดการณ์ว่าอุปสงค์ต่อสินค้าอาหารจะยังคงอ่อนแอ เนื่องจากผู้บริโภคยังคงเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูง Rabobank คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ในปี พ.ศ. 2567 จะจำกัดการเติบโตของอุปสงค์สินค้าเกษตรและอาหาร
Rabobank คาดการณ์ว่าราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ ข้าวโพด ถั่วเหลือง น้ำตาล และกาแฟ จะอ่อนตัวลง เนื่องจากผลผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากแรงจูงใจด้านราคาในช่วงก่อนหน้าสวนทางกับอุปสงค์ยังคงอ่อนแอ ขณะที่ราคาข้าวสาลีจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ผู้ผลิตเบเกอรี่ ผลิตภัณฑ์นม และโปรตีนเนื้อสัตว์ จะเป็นผู้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการชะลอตัวของต้นทุนวัตถุดิบ โดยเฉพาะพืชผลสำคัญที่มีแหล่งผลิตในภูมิภาคอเมริกาใต้จะกลับมามีอุปทานมากขึ้น
เกษตรกรชาวบราซิลคาดว่าจะมีการเพาะปลูกถั่วเหลืองสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี พ.ศ.2567 เนื่องจากทวีปอเมริกาใต้กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านจากปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ไปสู่ปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ทำให้ฝนตกชุกในทวีปอเมริกาใต้ Rabobank คาดว่าในพื้นที่ดังกล่าวจะสามารถเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองได้สูงถึง 163 ล้านตัน โดยอาร์เจนตินาที่เป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดของโลก คาดว่าจะมีผลผลิตฟื้นตัวหลังจากการเก็บเกี่ยวที่ล้มเหลวในปีก่อน ทำให้สต็อกถั่วเหลืองทั่วโลกก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าการค้าของอาร์เจนตินาจะมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนภายใต้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศก็ตาม
สำหรับข้าวสาลี Rabobank คาดว่าจะเกิดการขาดดุลอีกครั้งในตลาดโลก นับเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน การที่ปัญหาผลผลิตพืชผลของประเทศที่เป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญในซีกโลกใต้จะบรรเทาลงเล็กน้อยในอีก ไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่อาจมีข้อยกเว้นสำหรับประเทศออสเตรเลีย เพราะปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ที่เคยทำให้พื้นที่เพาะปลูกมีความชุ่มชื้นกำลังจะพัดผ่านไป ส่งผลทำให้ในช่วงก่อนฤดูกาลเพาะปลูกปี พ.ศ. 2567 ของออสเตรเลียอาจมีปริมาณน้ำฝนและความชื้นเพียงเล็กน้อยจนไม่เพียงพอกับการเพาะปลูก
การเก็บเกี่ยวข้าวสาลีของรัสเซียในปี พ.ศ. 2567 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็น 87 ล้านตัน แต่ความเป็นไปได้ของตัวเลขดังกล่าวยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของสภาพอากาศและข้อจำกัดในการส่งออก ซึ่งสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิตและการส่งออกข้าวสาลีของทั้งสองประเทศ และจะนำไปสู่การเกินดุลการค้าของทั้งสองประเทศลดลง
ตามข้อมูลของ Rabobank ราคาข้าวสาลีลดลงประมาณร้อยละ 27 นับตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2567 ปัจจุบันราคาซื้อขายอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาก่อนสงครามในยูเครนซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ความอ่อนแอของราคาข้าวสาลีมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการส่งออกที่แข็งแกร่งของรัสเซีย แม้ว่าจะมีการยกเลิกข้อตกลง ผ่อนปรนให้มีการขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำ (Black Sea Grain Initiative) แล้วก็ตาม รวมถึงแรงกดดันจากราคาข้าวโพดที่ตกต่ำ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวสาลีด้วยเช่นกัน
ราคาข้าวโพดที่อ่อนตัวลงทำให้ความต้องการข้าวโพดฟื้นตัว แต่ผู้บริโภคยังคงเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจ รายงานระบุ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าและตัวเลือกธัญพืชอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับประเทศต่าง ๆ เช่น จีน ซึ่งกำลังรวบรวมการเก็บเกี่ยวข้าวโพด จะทำให้การส่งออกของสหรัฐฯ และการลดสต๊อกสินค้าเป็นเรื่องยาก ขณะที่เกษตรกรมีเงินทุนมากขึ้นหลังจากได้รับอานิสงส์อย่างต่อเนื่องจากราคาข้าวโพดที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงตลอดหลายปีก่อน การขายผลผลิตได้ปริมาณน้อยเกินไปและข้อจำกัดของพื้นที่จัดเก็บ โดยเฉพาะในบราซิล จะกดดันให้พวกเขาระบายข้าวโพดบางส่วนออกสู่ตลาดในราคาต้นทุน
ที่มา:
https://www.foodmag.com.au/global-food-commodity-prices-to-fall-in-2024/
สืบค้นเมื่อ 15 ธันวาคม 2566.
download PDF ย้อนกลับ