สวัสดี

Technology & Innovation

การขึ้นทะเบียนพื้นที่ปลูกเฮมพ์ของสหรัฐอเมริกาปี 2563

มิถุนายน 2563

รายละเอียด :

ในปีนี้เกษตรกรในสหรัฐอเมริกาขึ้นทะเบียนเพื่อปลูกเฮมพ์หรือกัญชงน้อยกว่าปีที่แล้วเนื่องจากความไม่แน่นอนของกฎระเบียบเรื่องส่วนเกินของดอกกัญชงและชีวมวลที่ออกมาตั้งแต่ปี 2562  รวมทั้งราคาขายส่งที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

ข้อมูลล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2563 พบว่าพื้นที่ปลูกเฮมพ์ทั้งหมดที่ได้รับใบอนุญาตจนถึงปัจจุบันมีถึง 465,787 เอเคอร์ สำหรับฤดูการผลิตในปี 2563 โดยมีหน่วยงานการเกษตร 47 แห่ง รายงานตัวเลขให้แก่อุตสาหกรรมกัญชงในแต่ละวัน โดยพื้นที่เพาะปลูกที่ได้รับใบอนุญาตลดลง 9% เมื่อเทียบกับที่ได้รับใบอนุญาตจำนวน 511,442 เอเคอร์ ใน 34 รัฐในปี 2562 นับเป็นการลดลงครั้งแรกตั้งแต่ปี 2557 เมื่อกฎหมาย Farm Bill  อนุญาตให้ปลูกเพื่อการวิจัยได้ทั่วประเทศ ถึงแม้จะเพิ่งผ่านกฎหมายฉบับใหม่โดยกระทรวงเกษตรไปเมื่อปีที่แล้วก็ตาม

ภาพ พื้นที่การขึ้นทะเบียนปลูกเฮมพ์ในแต่ละรัฐของสหรัฐอเมริกา

ที่มา : https://hempindustrydaily.com/

 

ในปี 2563 นี้ มีรัฐที่เพิ่งมีการขึ้นทะเบียนปลูกใหม่เพิ่มขึ้น  6 รัฐ ดังนี้

•แคลิฟอร์เนีย - 32,504.9 เอเคอร์  ได้รับใบอนุญาต  เกษตรกรและผู้เพาะเมล็ดพันธุ์ 655 ราย

•แอริโซนา - 34,000 เอเคอร์ / 1,520,000 ตารางฟุตในร่ม  เกษตรกร 157 ราย ผู้แปรรูป 60 ราย

•รัฐอิลลินอยส์ - 26,264 เอเคอร์  เกษตรกร 770 ราย ผู้แปรรูป 317 ราย

•มิชิแกน - 13,225 เอเคอร์ ปลูกในร่ม 11 ล้านตารางฟุต  ผู้ปลูกกลางแจ้ง 806 คนและผู้ปลูกในร่ม 350 คน ผู้แปรรูป 447 ราย

•ฟลอริด้า – 16,000 เอเคอร์ เกษตรกร 386 ราย  ผู้แปรรูป 9 ราย

•แคนซัส – 9,903.05 เอเคอร์ เกษตรกร 214 ราย  ผู้แปรรูป 23 ราย

 

เนื่องจากยังไม่มีรายงานเป็นทางการของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาในด้านผลผลิตและการนำไปใช้ประโยชน์ แต่จากการสำรวจของ The Jacobsen’s ในเดือนพฤษภาคม 2563 ผลผลิตในปี 2563 จำนวน 79.4% จะใช้ในการผลิตกัญชา (cannabinoid)  โดยมี 14.5% มุ่งเน้นไปที่ CBG (CBG-dominant genetics)  2.5% ของพื้นที่เพาะปลูกจะถูกนำไปเป็นพันธุ์เส้นใย  และ 3.6% จะใช้เมล็ดธัญพืช

 

ในปี 2562 ที่ผ่านมา รายงาน Hemp & CBD Factbook ของ Hemp Industry Daily มีผู้ผลิต 94% ปลูกเพื่อใช้ดอกสำหรับการผลิต cannabinoid ขณะที่ 10% เน้นไปที่เมล็ดและธัญพืช และ 11% ใช้เส้นใยและก้าน (หมายเหตุ ต้นกัญชงสามารถใช้ประโยน์ได้หลายส่วน หากวางแผนการผลิตที่ดี จึงสามารถนับซ้ำได้ผลรวมจึงเกิน 100%)

 

ความคิดเห็น :

ผลิตภัณฑ์จากกัญชาและกัญชงกำลังเป็นที่สนใจจากทั่วทุกมุมโลก  หลายประเทศเริ่มทบทวนนโยบายการควบคุมและปลดล็อคในการให้เพาะปลูก เพราะเล็งว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่นำรายได้มาให้ประเทศได้ อย่างไรก็ตาม   ยังมีประเด็นเรื่องปริมาณสาร THC[1] ที่ต้องตรวจสอบและควบคุมตั้งแต่เป็นต้นพืช  คำจำกัดความสากลของกัญชง คือมีระดับ THC ที่น้อยกว่า 0.3% แต่บางประเทศในเอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกาได้กำหนดขีดจำกัด THC ไว้ที่ 1.0%  และแม้แต่ยุโรปคาดว่าจะผลักดันให้จำกัดระดับ THC จาก 0.2% เป็น 0.3% ในไม่ช้า   สำหรับประเทศไทยหลายฝ่ายก็เรียกร้องให้ภาครัฐปลอดล็อคให้ส่งเสริมการปลูก แปรรูป นำเข้า และส่งออกกัญชงเชิงพาณิชย์ได้  ต้องรอติดตามเร็วๆ นี้ ว่าไทยจะก้าวทันคู่แข่งหรือไม่

 

 

เอกสารอ้างอิง :

https://hempindustrydaily.com/

 

[1] THC ย่อมาจาก Tetrahydroconnabinol เป็นสารที่พบมากในกัญชา (cannnabis) เมื่อเสพไปแล้วจะทำให้เคลิบเคลิ้ม ประโยชน์ทางการแพทย์ของสารสกัด THC เช่น ช่วยลดอาการปวด ลดภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด ช่วยรักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ช่วยเพิ่มความอยากอาหารให้ผู้ป่วยมะเร็งและเอดส์ รวมถึงสามารถใช้ในผู้ป่วยที่เป็นต้อหินได้ด้วย อย่างไรก็ตาม สาร THC นั้นมีผลข้างเคียงจากการใช้ เช่น ปากแห้ง ตาแดง ใจเต้นเร็ว ตอบสนองช้า และทำให้สูญเสียความทรงจำ

download PDF ย้อนกลับ

สถาบันอาหาร

อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ เพื่อสถาบันอาหาร

2008 ซ.อรุณอมรินทร์ 36 ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700

Google map

ติดต่อสอบถาม

Email : fic@nfi.or.th
หรือ Call center
contact-img

0-2422-8688 ต่อ 3121
โทรสาร : 02-4228527