มกราคม 2562
หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรปร่างระเบียบเรื่องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากขยะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (single-use) โดยวางมาตรการห้ามวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากพลาสติก เช่น หลอดดูดน้ำ จาน มีด ช้อน ส้อม และขวดน้ำที่ไม่มีฝาปิด รวมถึงลดการผลิตและลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากพลาสติกในสหภาพฯ มีผลบังคับใช้ในปี ค.ศ.2020
สาระสำคัญของข่าว
หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรปร่างระเบียบเรื่องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากขยะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (single-use) โดยวางมาตรการห้ามวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากพลาสติก เช่น หลอดดูดน้ำ จาน มีด ช้อน ส้อม และขวดน้ำที่ไม่มีฝาปิด รวมถึงลดการผลิตและลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากพลาสติกในสหภาพฯ มีผลบังคับใช้ในปี ค.ศ.2020 โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการบริโภคพลาสติกอย่างจริงจัง ทำให้ร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรมต่างๆ เริ่มมีการปรับตัวเพื่อรองรับมาตรการดังกล่าวมากขึ้น โดยเฉพาะการลดใช้หลอดพลาสติก และประยุกต์ใช้วัสดุอื่นทดแทน ทั้งนี้ ห้างซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ในประเทศอย่าง Rewe และ Lidl มีแผนหยุดจำหน่ายหลอดพลาสติกทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2019 รวมถึงบริษัทลูกอย่างห้าง Penny และ Toom Baumarkt จะงดการจำหน่ายหลอดพลาสติกภายในสิ้นปี 2018 ซึ่งจะสามารถช่วยลดปริมาณการใช้หลอดพลาสติกได้ถึง 42 ล้านชิ้นต่อปี และหลังจากนั้นจะเริ่มจำหน่ายหลอดที่ผลิตจากกระดาษ ต้นข้าวสาลี และ สแตนเลส เป็นต้น
ปัจจุบัน ในประเทศเยอรมนีมีหลายบริษัทที่เริ่มจำหน่ายหลอดดูดจากวัสดุธรรมชาติและวัสดุทางเลือกต่างๆ เช่น หลอดจากต้นข้าวสาลี หลอดจากกากแอปเปิ้ล หลอดจากแก้ว หลอดจากสแตนเลส เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม หลอดที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติยังมีข้อเสีย คือ มีความทนทานน้อย และไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้
ความเห็น
จะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันประเทศต่างๆ ให้ความตระหนักถึงปัญหาขยะพลาสติกที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากผู้ประกอบการไทยมีการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยใช้วัสดุจากธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เป็นที่ยอมรับและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด จะเป็นการเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าไทย และสร้างโอกาสให้ไทยสามารถนำสินค้าเข้าขายในประเทศเยอรมนีได้เพิ่มขึ้น
ที่มา : สำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
download PDF ย้อนกลับ