พฤษภาคม 2558
ในการแข่งขันรถวิบาก ผู้แข่งขันที่สำรองน้ำมันเอาไว้ในปริมาณที่มากกว่าคู่แข่ง ย่อมมีโอกาสคว้าชัยชนะ แต่ในการแข่งขันของธุรกิจ “แคบหมู” หากผลิตภัณฑ์ของใครสำรองน้ำมันเอาไว้เยอะๆ นั้น โอกาสพ่ายแพ้ในสนามแข่งขันยิ่งสูงมากเป็นเท่าตัว นั่นก็เป็นเพราะน้ำมันสำหรับทอด ที่หลงเหลืออยู่ในแคบหมู คือศัตรูตัวร้ายของผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืน อายุการเก็บรักษาสั้น และหากผู้บริโภครับประทานมากๆ ก็จะอายุสั้นลงเช่นเดียวกัน
ในการแข่งขันรถวิบาก ผู้แข่งขันที่สำรองน้ำมันเอาไว้ในปริมาณที่มากกว่าคู่แข่ง ย่อมมีโอกาสคว้าชัยชนะ แต่ในการแข่งขันของธุรกิจ “แคบหมู” หากผลิตภัณฑ์ของใครสำรองน้ำมันเอาไว้เยอะๆ นั้น โอกาสพ่ายแพ้ในสนามแข่งขันยิ่งสูงมากเป็นเท่าตัว นั่นก็เป็นเพราะน้ำมันสำหรับทอด ที่หลงเหลืออยู่ในแคบหมู คือศัตรูตัวร้ายของผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืน อายุการเก็บรักษาสั้น และหากผู้บริโภครับประทานมากๆ ก็จะอายุสั้นลงเช่นเดียวกัน
คุณชัดชาญ เอกชัยพัฒนกุล เจ้าของตำนาน “เชียงใหม่วนัสนันท์” ร้านของฝากชื่อดังที่คนไทยแทบทุกคนต่างรู้จัก ได้เปิดเผยข้อมูลที่เรารู้สึกตกใจเล็กน้อยว่า “ทุกวันนี้ เราซื้อแคบหมู จะได้รับของแถมเป็นน้ำมัน” ของแถมที่ว่า ไม่ได้ใช้แสตมป์สะสมเพื่อแลกรับของที่จุดจำหน่าย และไม่ได้แพ็คติดกับห่อแคบหมูแต่อย่างใด แต่เป็นน้ำมันที่ถูกแคบหมูดูดซับไว้หลังจากการทอด โดยแคบหมู 1 ถุง จะมีน้ำมันเหลืออยู่ประมาณร้อยละ 30 นั่นคือ “หากเราซื้อแคบหมู 1 กิโลกรัม เราจะได้น้ำมันกลับบ้านไป 300 กรัม” เป็นปริมาณที่ไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งนี้กลายเป็นปัญหาที่สำคัญของทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค โดยผู้บริโภคมีแนวโน้มลดปริมาณการซื้อและบริโภคลงอย่างเห็นได้ชัด และสำหรับผู้ผลิตเองต้องประสบปัญหาการเพิ่มต้นทุนการผลิต ผลิตภัณฑ์เหม็นหืนง่าย และเก็บรักษายาก
ลดน้ำมัน ลดน้ำหนัก
“การกำจัดน้ำมันออกจากแคบหมู จะทำให้แคบหมูไม่เหม็นหืน เก็บไว้ได้นาน ดีต่อสุขภาพและลดต้นทุน” ดูเป็นเรื่องหมูๆ แต่ถ้าถามต่อว่า “แล้วทำอย่างไรจึงจะกำจัดน้ำมันออกจากแคบหมูได้” ปัญหาหมูๆ กลับค่อยโตจนกลายเป็นปัญหาช้างๆ ในพริบตา หากขุดถึงต้นตอที่แท้จริงของปัญหา “น้ำมัน” คือตัวการสำคัญ ดังนั้นแล้ว หากทำให้แคบหมูสุกกรอบโดยไม่ใช้น้ำมัน นั่นคือการแก้ปัญหาที่แท้จริง