ตลาดผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรมของไทย ปี 2567 ประมาณการว่าจะมีมูลค่า 4,986 ล้านบาท ขยายตัว ร้อยละ 3.4 จากปีก่อน หรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 5.9 ต่อปี ในช่วงที่วิเคราะห์ (ปี 2563 – 2567) ซึ่งจะสังเกตเห็นว่า ผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรมในตลาดไทยมีทิศทางการเติบโต ที่ชะลอตัวในช่วงดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสการตื่นตัวเรื่องสุขภาพ ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมาก พยายามลดการเติมเครื่องปรุงที่มีปริมาณโซเดียมและน้ำตาลสูง อย่างไรก็ดี ซอสหอยนางรมยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศไทย จากพฤติกรรมการรับประทานอาหารและสไตล์ของอาหารไทยที่นิยม

ปัจจุบันชาวไทยมีการบริโภคซอสและเครื่องปรุงรสเฉลี่ยคนละ 5.8 กิโลกรัมต่อปี (ที่มา: ศูนย์อัจฉริยะ เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม) ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงซอสหอยนางรมด้วย โดยเทียบเป็นปริมาณการบริโภคโซเดียมเฉลี่ยคนละ 3,600 มิลลิกรัมต่อวัน (ปริมาณที่องค์การอนามัยโลก แนะนำอยู่ที่ ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวันต่อคน) ทั้งนี้ ในปี 2567 ประมาณการว่ามีปริมาณการบริโภค ผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรมในประเทศไทย 46,300 ตัน ขยายตัว ร้อยละ 2.2 จากปีก่อน ซึ่งได้รับอานิสงส์จาก การเปิดประเทศหลังจากภาวะการระบาดของโรค COVID-19 ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีนักท่องเที่ยว เดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีรสนิยมการรับประทานอาหาร คล้ายกับคนไทย

ซอสหอยนางรม หรือบางคนเรียกว่า น้ำมันหอย เป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในการปรุงรสอาหาร สไตล์เอเชีย ซึ่งนอกจากอาหารไทยแล้ว อาหารชนชาติอื่น เช่น อาหารจีน มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา ต่างนิยมใช้ซอสหอยนางรมเป็นเครื่องปรุง โดยผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรมที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน แบ่งเป็น แบบที่ใช้หอยนางรมแท้จากธรรมชาติ ซึ่งราคาสูงและมีอายุการเก็บรักษาสั้นกว่า และแบบที่ใช้สารสกัดหรือ สารปรุงแต่งจากหอยนางรมเพื่อเลียนแบบกลิ่นและรสชาติของหอยนางรมแท้ เหมาะสำหรับกับผู้แพ้อาหารทะเล หรือแพ้หอยนางรม ซึ่งซอสหอยนางรมแบบนี้จะมีราคาถูกและอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานกว่า