ธันวาคม 2564
ปี 2564 ตลาดนมจากพืช (Plant-Based Milk) มีมูลค่าประมาณ 23,633.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยแยกออกเป็นนมถั่วเหลือง (Soy Milk) 22,275.2 ล้านบาท (94.25%) และนมจากพืชอื่นๆ (Other Plant-Based Milk) เช่น อัลมอนด์ ข้าวโอ๊ต มะพร้าวข้าว เป็นต้น 1,358.7 ล้านบาท (5.75%) และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ร้อยละ 4.6 ในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ (ปี 2564 – 2569) และคาดว่าในปี 2565 ตลาดนมจากพืชจะมีมูลค่าตลาดกว่า 24,934.4 ล้านบาท
การบริโภคผลิตภัณฑ์นมปรับตัวดีขึ้นในปี 2564 จากมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ และมีการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จึงทำให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้นแต่ยังคงต่ำกว่าก่อนเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาด และผู้บริโภคยังคงระมัดระวังในการออกมาในที่สาธารณะ ในพื้นที่ที่มีคนจำนวนมาก จึงทำให้ยอดจำหน่ายของช่องทางค้าปลีกปรับตัวลงเล็กน้อย และผู้บริโภคหันมาซื้อผ่านช่องทาง E-commerce มากขึ้น ทำให้ยอดจำหน่ายในช่องทางนี้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาด แต่ผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลยังคงหลงใหลใน “ชานมไข่มุก” และการ “ถ่ายภาพเซลฟี่” คู่กับเครื่องดื่มชานมไข่มุก เครื่องดื่มต่างๆ ตามร้านกาแฟ ร้านคาเฟ่ ซึ่งกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแชร์ประสบการณ์ แชร์เรื่องราวกับเพื่อนๆ ในโลกโซเชียล ผู้ประกอบการจึงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตามกระแสชานมไข่มุกที่กำลังเป็นที่นิยมแต่ใช้นมจากพืชแทน อาทิ นมถั่วเหลืองผสมบุกไข่มุก รสบราวน์ชูก้า ตรา โบบาบอย (BobaBoy Brown Sugar Soymilk with konjac boba) จากบริษัท โทฟุซัง จำกัด เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค อีกทั้งยังตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ กลุ่มผู้บริโภควีแกน (Vegan) และกลุ่มผู้บริโภคที่มีอาการ lactose intolerance (ภาวะย่อยน้ำตาลแลคโตสบกพร่อง) ที่ไม่สามารถรับประทานนมที่มาจากสัตว์ได้ จึงต้องหาผลิตภัณฑ์อื่นมาทดแทน ทำให้ตลาดนมจากพืชซึ่งเป็นสินค้าทดแทนเติบโตมากขึ้น นมจากพืชที่ได้รับความนิยม ได้แก่ นมถั่วเหลือง นมอัลมอนต์ นมข้าวโอ๊ต นมข้าว หรือแม้แต่นมจากเมล็ดกัญชง (hemp) เป็นต้น
download PDF ย้อนกลับ