มีนาคม 2564
บทนำ ในปี 2563 ที่ผ่านมาตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดในประเทศไทยมูลค่า 56,303.7 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 จากปีก่อนหน้า น้ำดื่มบรรจจุขวดยังเป็นที่ต้องการสำหรับผู้บริโภคอยู่เสมอ เนื่องจากความต้องการน้ำดื่มบรรจุขวดในยุคโลกร้อนนี้มีมากขึ้น ประชากรที่เพิ่มมากขึ้น วิถีชีวิต พฤติกรรมการดำเนินชีวิตเปลี่ยนไป สภาพอากาศ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติก็แปรเปลี่ยน ประกอบกับสมัยนี้เป็นยุคที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจกับการดูแลเรื่องอาหาร การกินมากขึ้น คำนึงถึงความสะอาด คุณค่าสารอาหารที่ได้รับจากอาหารและเครื่องดื่ม จึงไม่แปลกใจที่ธุรกิจน้ำดื่ม จะเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ มีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้ามาทำธุรกิจนี้ จนทำให้ปัจจุบันมีแบรนด์น้ำดื่มหลากหลาย แบรนด์ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่มีความต้องการหลากหลายแต่ละบุคคล ปัจจุบันด้วยมลภาวะจากแหล่งต่างๆ รวมถึงสถานการณ์น้ำกร่อยที่เกิดขึ้น ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ยิ่งกระตุ้นให้ผู้บริโภคมองหาน้ำดื่มบรรจุขวดที่ช่วยในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ต้องมีผลดีกับสุขภาพ ง่ายและสะดวกสบายในการซื้อ ดังนั้นจึงทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจแหล่งที่มา รวมถึงกระบวนการผลิตน้ำดื่มที่มีความสะอาดและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงธุรกิจการจ้างผลิต (OEM) น้ำดื่มบรรจุขวดในแบรนด์ตัวเองให้กับร้านอาหารบริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ ยังมีเพิ่มมากขึ้น
ผลิตภัณฑ์
“น้ำดื่มบรรจุขวด” ในรายงานฉบับนี้ หมายถึง น้ำกรองที่เป็นน้ำดื่มที่สะอาดเหมาะสำหรับบริโภค และนิยมมากที่สุด มีขายกันหลายรูปแบบ ได้แก่ น้ำบรรจุขวดปิดสนิท, น้ำบรรจุถังปิดสนิท ที่เป็นน้ำกรอง อย่างดีใช้รังสี UV ฆ่าเชื้อโรค หรือ RO( Reverse Osmosis) ผ่านการแยกโมเลกุล ได้น้ำสะอาดบริสุทธิ์ที่สุด ราคาของน้ำกรอง มีต้นทุนจากราคาน้ำประปาหรือน้ำบ่อ รวมกับต้นทุนการผลิต หรืออุปกรณ์การกรองต่างๆ รวมถึง น้ำที่อัดด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่มีแอลกอฮอล์ผสม และน้ำที่มีส่วนผสมสมุนไพร, วิตามิน, กรดอะมิโน, ผักและผลไม้ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
ร้อยละ 80 ได้แก่ น้ำเปล่า และน้ำแร่
จากยอดขายในปี 2563 มีมูลค่าอยู่ที่ 56,303.7 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปี 2562 ประมาณร้อยละ 2.33สำหรับตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดในประเทศไทย ผู้นำตลาดที่ครองส่วนแบ่งตลาดตามบริษัทและส่วนแบ่งตลาดตามแบรนด์อันดับแรก ได้แก่ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ภายใต้แบรนด์ “สิงห์” โดยครองส่วนแบ่งตลาดตามแบรนด์ร้อยละ 21.7 และครองส่วนแบ่งตลาดตามบริษัท ร้อยละ 24.2 เพราะผลิตด้วยระบบแบบปิด เพิ่มช่องทางการสั่งซื้อทางออนไลน์และเพิ่มการจัดส่ง อันดับที่สอง ได้แก่ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ภายใต้แบรนด์ “คริสตัล” โดยครองส่วนแบ่งตลาดตามแบรนด์ และครองส่วนแบ่งตลาดตามบริษัท ร้อยละ 14.7 และอันดับที่สาม ได้แก่ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ภายใต้แบรนด์ “เนสท์เล่ เพียวไลฟ์” โดยครองส่วนแบ่งตลาดตาม
แบรนด์ ร้อยละ 8.4 และครองส่วนแบ่งตลาดตามบริษัท ร้อยละ 11.5