พฤษภาคม 2559
มูลค่าการค้าระหว่างประเทศในสินค้าน้ำผักผลไม้ทั่วโลกโดยเฉลี่ยในช่วง 5 ปี (2554-2558) อยู่ที่ประมาณ 16,804.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราเติบโตเฉลี่ยลดลงร้อยละ 3.9 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลทำให้การค้าซบเซา ประเทศผู้นำเข้าสินค้าน้ำผักผลไม้ที่สำคัญ 5 อันดับแรก มีส่วนแบ่งตลาดรวมร้อยละ 46.8 เรียงลำดับตามส่วนแบ่งตลาด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี เบลเยี่ยม และฝรั่งเศส โดยมีเพียงประเทศเบลเยี่ยมเท่านั้นที่มูลค่านำเข้าเฉลี่ยในช่วง 5 ปี (2554-2558) มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ประเทศสมาชิกในตะวันออกกลางมีมูลค่านำเข้าน้ำผลไม้จากทั่วโลกเฉลี่ยในช่วง 5 ปี (2554-2558) อยู่ที่ 1,042.12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 6.2 มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3.2 สวนทางกับทิศทางตลาดโลกโดยภาพรวม
เมื่อพิจารณารายประเทศในตะวันออกกลาง พบว่าตลาดนำเข้าเครื่องดื่มกลุ่มน้ำผลไม้ที่สำคัญ 5 อันดับแรก เฉลี่ยในช่วง 5 ปี (2554-2558) มีสัดส่วนมูลค่านำเข้าร่วมถึงร้อยละ 69.3 ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย (สัดส่วนร้อยละ 29.9) ยูเออี (สัดส่วนร้อยละ 13.9) โอมาน (สัดส่วนร้อยละ 9.7) คูเวต (สัดส่วนร้อยละ 8.3) และอิรัก (สัดส่วนร้อยละ 7.6) ดังภาพที่ 1 ส่วนตลาดที่สำคัญรองลงมา เช่น อิสราเอล เยเมน บาห์เรน อิหร่าน เป็นต้น
ในส่วนของประเทศไทยพบว่ามีการส่งออกน้ำผลไม้ไปยังตลาดโลกเฉลี่ยในช่วง 5 ปี (2554-2558) มูลค่า 496.51 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราขยายตัวของมูลค่าส่งออกเฉลี่ยร้อยละ 9.1 ต่อปี โดยมีตลาดส่งออกหลัก 10 อันดับแรกดังภาพที่ 2
ขณะที่ไทยส่งออกน้ำผลไม้ไปตลาดตะวันออกกลางเฉลี่ยในช่วง 5 ปี (2554-2558) มีมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 40.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี มีส่วนแบ่งตลาดเพียงประมาณร้อยละ 4 ของตลาดเท่านั้น เมื่อพิจารณาตลาดอันดับที่ 11-30 ของไทย ดังภาพที่ 3 พบว่า ซาอุดิอาระเบียเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 11 ยูเออีอันดับที่ 14 อิหร่านอันดับที่ 18 ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ของไทยยังมีโอกาสอีกมากในการขยายการส่งออกในตลาดตะวันออกกลางเพราะยังมีความต้องการนำเข้าอีกมากและพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไป ต้องการสินค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น
download PDF ย้อนกลับ