15 มกราคม 2559
ชื่อเรื่อง : การใช้สารสีของเชื้อราโมแนสคัสในผลิตภัณฑ์อาหาร
ผู้วิจัย/ผู้เรียบเรียง : นางสาวนุชนาฏ แซ่คู นางสาวปรมาภรณ์ จุ้ยเจิม
นางสาวสิริกาญจน์ นุ่นปุย
คณะทำงาน/อาจารย์ที่ปรึกษา : รศ.ดร.อาภรณ์ วงศ์วิจารณ์ ดร.พรรณจิรา วงศ์สวัสดิ์
ที่มา : โครงงานเรื่อง การใช้สารสีของเชื้อราโมแนสคัสในผลิตภัณฑ์อาหาร
ภาควิชาจุลชีววิทยา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ปี 2543
แหล่งสืบค้นฉบับเต็ม : สำนักห้องสมุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
กรุงเทพมหานคร
กลุ่มสินค้า : 1549 ผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ
เทคโนโลยี : เทคโนโลยีชีวภาพและการหมัก
Keyword : โมแนสคัส สารสี สีผสมอาหาร เชื้อรา
การใช้สารสีของเชื้อราโมแนสคัสในผลิตภัณฑ์อาหาร
สีเป็นลักษณะประจำตัวของพืชผักผลไม้แต่ละชนิด สีจัดเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพของอาหาร เนื่อง
จากเป็นสิ่งแรกที่ผู้บริโภคสามารถสัมผัสได้โดยตรงโดยสายตาและมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกว่าจะ
บริโภคอาหารชนิดนั้นหรือไม่ ดังนั้นสีของอาหารจึงมีความสำคัญมากต่อผู้ผลิตวัตถุดิบอยู่ไม่น้อย ด้วยเหตุ
นี้ผู้ผลิตจึงพยามยามผลิตผลิตภัณฑ์ให้มีสีสม่ำเสมอ โดยการเติมสีผสมอาหารลงในอาหาร แต่การใช้สีผสม
อาหารในปริมาณมากเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนดก็จะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้
ดังนั้นจึงมีการศึกษาสีจากธรรมชาติที่มีความปลอดภัยมากกว่าสีสังเคราะห์ สีจากเชื้อราโมแนสคัส
(Monascus purpureus TISTR 3002) เป็นสีผสมอาหารจากธรรมชาติที่ถูกใช้ในรูปข้าวแดงเป็นเวลานาน
หลายร้อยปีแล้ว ได้มีการพัฒนาการเลี้ยงเชื้อราโมแนสคัสในอาหารเหลว (Submerged culture) สีที่ได้
สามารถละลายน้ำได้ดี ต่อมาได้มีการแยกสีจากเชื้อราให้บริสุทธิ์ พบว่า สารสีจากเชื้อราโมแนสคัสจัดเป็น
สารทุติยภูมิประเภท polyketide มีสารอะซิเตทเป็นหน่วยเริ่มต้น สามารถแบ่งสารสีจากเชื้อราโมแนสคัส
ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ สารสีแดง (monacin และ rubropunctamine) สารสีส้ม (monascorubrin และ
rubropunctatin) และสารสีเหลือง (monascin และ ankaflavin) กระบวนการสร้างสารสีจะผ่านกระบวน
การ polyketides ซึ่งสีที่ผลิตได้จะเป็นสีแดงที่สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหารได้
โครงงานวิจัยนี้จึงศึกษาการเจริญและการสร้างสารสีแดงของเชื้อรา Monascus purpureus TISTR
3002 (ATCC 16427) บนข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 สภาวะที่เหมาะสมต่อการผลิตสารสีแดง และแนวทางการ
ใช้ประโยชน์จากข้าวแดงในผลิตภัณฑ์อาหารบางชนิด
โดยทำการทดลอง เพื่อศึกษาการเจริญของเชื้อราบนข้าวปทุมธานี 1 ให้มีความชื้น 11.8, 30, 35,
40, 50, 60, 70, และ 80 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นนำ Spore suspension จากเชื้อใน MY agar slant แล้วถ่าย
ใส่ฟลาส์กขนาด 250 มิลลิลิตรและถุงพลาสติก อย่างละ 1 มิลลิลิตร ปิดจุกเขย่าให้เชื้อกระจาย บ่มที่
อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 14 วัน และการสร้างสารสี โดยนำข้าวแดงที่เลี้ยงบนเมล็ดข้าวที่มี
ความชื้นต่างๆ มาทำการสกัดหาปริมาณเม็ดสีโดยใช้ เอทานอล 95 % และน้ำเป็นตัวทำละลาย นำไปวัดที่
ความยาวคลื่น 500 นาโนเมตร โดยเครื่อง Spectrophotometer
ผลการทดลองพบว่า สภาวะที่เหมาะสมต่อการผลิตสารสีของเชื้อราโมแนสคัส บนเมล็ดข้าวพันธุ์
ปทุมธานี 1 ที่มีความชื้น 35 เปอร์เซ็นต์ บ่มที่อุณหภูมิ ห้อง เป็นเวลา 20 วัน โดยการใช้เอทานอล 95 %
(55 units/g dry wight) การทดลองใช้สารสีที่ได้จากราโมแนสคัสในผลิตภัณฑ์ลูกชิ้น ที่เติมสารสี 0.5
กรัม ในเนื้อปลา 100 กรัม และในวุ้นที่มีการเติมสารสีต่อสารละลายวุ้น 20: 30 มิลลิลิตร ได้รับการยอม
รับจากผู้บริโภคมากที่สุด