ตลาดบรรจุภัณฑ์อาหารทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 358.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2565 และคาดว่าจะสูงถึงประมาณ 592.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2575 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีระหว่างปี 2566-2575 (CAGR) ที่ 5.3% ผู้คนหันมาใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นและบริโภคอาหารสะดวกซื้อมากขึ้น . ดังนั้นความต้องการสำหรับรายการเหล่านี้จึงเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมจะได้รับประโยชน์จากความสะดวกสบายและวัสดุที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการปนเปื้อนและอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้น การเติบโตจะเห็นได้จากปัจจัยต่างๆ เช่น รายได้ที่ใช้แล้วทิ้ง ครัวเรือนที่หดตัว และจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น

ตลาดบรรจุภัณฑ์อาหารทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 358.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2565 และคาดว่าจะสูงถึงประมาณ 592.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2575 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีระหว่างปี 2566-2575  (CAGR) ที่ 5.3% ผู้คนหันมาใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นและบริโภคอาหารสะดวกซื้อมากขึ้น . ดังนั้นความต้องการสำหรับรายการเหล่านี้จึงเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมจะได้รับประโยชน์จากความสะดวกสบายและวัสดุที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการปนเปื้อนและอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้น การเติบโตจะเห็นได้จากปัจจัยต่างๆ เช่น รายได้ที่ใช้แล้วทิ้ง ครัวเรือนที่หดตัว และจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น

ในปี 2565 เมื่อพิจารณาตามประเภทบรรจุภัณฑ์พบว่าบรรจุภัณฑ์ชนิดแข็งตัว[1] (rigid packaging) ยังครองสัดส่วนตลาดมากที่สุด  หากพิจารณาตามชนิดตามวัสดุ ตลาดบรรจุภัณฑ์อาหารสามารถแบ่งออกเป็นสี่ส่วน: กระดาษ  พลาสติก แก้ว และโลหะ ส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดเป็นกระดาษและกล่องกระดาษแข็ง พิจารณาตามการนำไปใช้งาน พบว่าบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารกลุ่มเบเกอรี่และขนมหวานครองตลาดด้วยส่วนแบ่ง 25%  ส่วนเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดมียอดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์อาหารรายได้สูงสุดประมาณ 34.8% ของมูลค่าตลาดโลก

ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคต้องคิดใหม่เกี่ยวกับงบประมาณและการใช้จ่ายอย่างมีดุลยพินิจ ผู้บริโภคจะมองหาแบรนด์เพื่อช่วยให้พวกเขาเอาชนะความเครียดที่เกิดจากเศรษฐกิจด้วยผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่สอดรับกับความสามารถในการซื้อและสะท้อนคุณค่าที่ชัดเจน การนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับคุณค่าทางการเงินโดยไม่ลดทอนคุณภาพ ความสะดวก ความสดใหม่ ความปลอดภัย และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม จะเป็นการสร้างความแตกต่างในปี 2566 และต่อๆ ไป