จัดทำข้อมูล ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2563
สถานการณ์ปัจจุบัน
ธุรกิจค้าปลีกอาหารในจีนมีทิศทางการเติบโตที่ดีในเชิงมูลค่า โดยในปี 2562 สามารถสร้างรายได้รวม 4,707.6 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือมีอัตราขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 2.2 ต่อปี ตลอดช่วงที่วิเคราะห์ (ปี 2557-2562) ในทางตรงกันข้าม หากพิจารณาในเชิงจำนวนสาขา พบว่า ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกอาหารในจีน โดยเฉพาะร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม ต่างทยอยปิดกิจการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขารวม 3,6364,000 แห่ง ลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือมีอัตราหดตัวเฉลี่ยร้อยละ 0.5 ต่อปี ตลอดช่วงที่วิเคราะห์ (รูปที่ 1 และ รูปที่ 2) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัว การแข่งขันที่รุนแรงจากธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ประกอบกับผลกระทบทางลบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจจำนวนมากต้องเผชิญกับอุปสรรคความท้าทายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ห้างค้าปลีกหลายรายได้พยายามปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจของตนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าอาหารของผู้บริโภคชาวจีนที่เปลี่ยนไป โดยการเชื่อมโยงช่องทางการจำหน่ายแบบการขายหน้าร้าน (offline) และแบบออนไลน์ (online) ผสมกัน หรือที่เรียกว่า omni channel ยกตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตสินค้าขนมขบเคี้ยวยอดนิยมตรา Three Squirrels ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจจากการจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ Tmall และได้ตัดสินใจลงทุนเปิดหน้าร้านของตนเองเพื่อขยายส่วนแบ่งตลาดสินค้าอาหารในจีน หรือบริษัท JD.com ที่ขยายช่องทางธุรกิจของบริษัทไปสู่ธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ ภายใต้ชื่อ 7FRESH ซึ่งจะเน้นการจำหน่ายสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งในรูปของสด อาหารแช่แข็ง อาหารพร้อมรับประทาน และอาหารตามสั่งที่ปรุงสดใหม่ หรือร้าน Miss Fresh ผู้ค้าปลีกสินค้าอาหารสดและอาหารสำเร็จรูป ที่พัฒนาแอพพลิเคชั่นของตนเองสำหรับสั่งซื้อสินค้าของทางร้านและเข้าร่วมโครงการผู้ค้าออนไลน์กับทาง WeChat ด้วย นอกจากนี้บรรดาผู้ค้าปลีกทั้งหลายยังนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการ เช่น เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า รวมถึงอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อปรับปรุงการให้บริการสินค้าและนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด เช่น โปรโมชั่นหรือคูปองแลกสินค้า
