ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทศพร นามโฮง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ
เมล็ดแมงลัก ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum basilicum L. เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเขตร้อน เป็นสมุนไพรที่ใช้ทั้งเป็นยาและอาหาร เมล็ดแมงลักใช้เป็นยาพื้นบ้านเพื่อรักษาอาการอาหารไม่ย่อย ลดไข้ คลายกล้ามเนื้อ[2] เมล็ดมีสีดำ รูปไข่ และเป็นแหล่งเยื่อใยอาหารที่ดี เมื่อนำเมล็ดไปแช่น้ำจะพองและสร้างเมือกคล้ายเจล เพราะที่เปลือกหุ้มเมล็ดมีชั้นของโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งโพลีแซคคาไรด์นี้ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ glucomannan 43% และ (1-4)-linked xylan อีก 24.29% และมี glucan อีก 2.31%[3] น้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากใบและเมล็ดแมงลักมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ และต้านจุลินทรีย์[4] เมล็ดแมงลักใช้เป็นสารให้ความคงตัวและสารทำให้อาหารข้น เพราะมีโพลีแซคคาไรด์ในปริมาณสูง หรือนำมาแปรรูปเป็นน้ำมันหอมระเหย ในน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากเมล็ดแมงลักมีสารประกอบฟีนอลิกที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ป้องกันเซลถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ[5] และเนื่องจากวิถีชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน ผู้บริโภคมักจะเลือกอาหารที่กินง่าย ไม่ต้องเตรียมยุ่งยาก ซึ่งการบริโภคอาหารเช่นนี้สำหรับคนรุ่นใหม่มักจะก่อให้เกิดปัญหาโรคภัยตามมา เนื่องจากมีสารอาหารน้อย เยื่อใยน้อย นักวิทยาศาสตร์การอาหารจึงพยายามที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพที่มีสารอาหารครบ พร้อมๆกับมีลักษณะทางประสาทสัมผัสที่น่าพอใจ เครื่องดื่มเป็นผลิตภัณฑ์อย่างหนึ่งที่สามารถนำพาสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย เครื่องดื่มเป็นสิ่งที่บริโภคกันทั่วโลกใช้ระงับความกระหาย และทำให้ร่างกายได้รับน้ำตามที่ต้องการ ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการศึกษาในรายงานวิจัยนี้เพื่อประเมินองค์ประกอบของเมล็ดแมงลัก และการนำไปใช้ในเครื่องดื่ม เพื่อให้ผู้บริโภคได้บริโภคเครื่องดื่มราคาประหยัดที่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เมล็ดแมงลักหาได้ง่ายและเป็นแหล่งของ micronutrient ที่ราคาถูก
การเตรียมเครื่องดื่มเมล็ดแมงลัก[6]
นำเมล็ดแมงลักแช่น้ำที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที ด้วยอัตราส่วนน้ำต่อเมล็ดเท่ากับ 50:1 ขณะแช่น้ำคนตลอดเวลา และกรองแยกน้ำออก ได้เมล็ดแมงลักที่พองตัว
เตรียมสารละลายไฮโดรคอลลอยด์โดยละลาย CMC ( carboxy methyl cellulose ) 2 กรัมในน้ำกลั่นที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 2 ชั่วโมง โดยคนตลอดเวลาด้วยแท่งกวนแม่เหล็ก บน magnetic hot plate
เตรียมเครื่องดื่มโดยใช้ น้ำ 1ลิตร น้ำตาล 140 กรัม เกลือ 2 กรัม กลิ่นมะนาว 1 มล. โซเดียมเบนโซเอท 1 กรัม ผสมเข้าด้วยกัน และเติมเมล็ดแมงลักที่พองตัวแล้วด้วยสัดส่วนตามตาราง ที่ 1 ส่วนผสมทั้งหมดนำไปพาสเจอไรซ์และบรรจุร้อนในขวดที่ปิดสนิทขนาด 250 มล.
ตารางที่ 1 ปริมาณเมล็ดแมงลักที่ใส่ในเครื่องดื่ม 1 ลิตร [1]
สิ่งทดลอง |
เมล็ดแมงลัก ( กรัม ) |
T1 |
2 |
T2 |
3 |
T3 |
4 |
T1 คือเครื่องดื่ม + เมล็ดแมงลัก 2 กรัม T2 คือเครื่องดื่ม + เมล็ดแมงลัก 3 กรัม T3 คือเครื่องดื่ม + เมล็ดแมงลัก 4 กรัม
วัดค่าบริกซ์และกรด วัด pH ด้วย pH meter วัดบริกซ์ด้วย refractometer วัดปริมาณกรดด้วยวิธีการไตรเตชั่น[7]
การประเมินทางประสาทสัมผัส ประเมินทางประสาทสัมผัสของเครื่องดื่มโดยประเมินด้านสี ลักษณะปรากฏ กลิ่นรส ความรู้สึกในปาก และการยอมรับรวม ที่อุณหภูมิ 17±5 องศาเซลเซียส โดยผู้ชิมที่มีความชำนาญจำนวน 20 คน ประเมินในห้องปฏิบัติการสำหรับทดสอบทางประสาทสัมผัส ด้วยคะแนน 9 คะแนน
ผลการศึกษา จากการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของเมล็ดแมงลักให้ผลดังตารางที่
ตารางที่ 2 องค์ประกอบทางเคมีของเมล็ดแมงลัก[1]
องค์ประกอบ |
ปริมาณ ( % น้ำหนักเปียก ) |
ความชื้น โปรตีน ไขมัน เยื่อใย เถ้า คาร์โบไฮเดรท |
9.19±0.45 17.32±1.12 9.68±0.67 7.11±0.39 5.80±0.11 50.9±0.35 |
และเมื่อวิเคราะห์หาปริมาณฟีนอลทั้งหมด และแร่ธาตุ พบว่าให้ผลดังตารางที่ 3[1]
ตารางที่ 3 ปริมาณฟีนอลทั้งหมด ( มิลลิกรัม GAE ต่อกรัม ) และแร่ธาตุ ( ppm )
ประเภท |
ปริมาณ |
Total phenol Fe Zn Mg Mn |
63.78±1.75 22.74±1.01 15.81±0.93 315.53±2.15 10.11±0.87 |
ปริมาณแมกนีเซียมที่สูงช่วยเร่งการสร้างความแข็งแรงและการพัฒนากระดูก และป้องกันอาการหัวใจล้มเหลว และสังกะสีมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการรักษาระดับน้ำตาลในเรื่องสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ส่วนเหล็กเป็นองค์ประกอบสำคัญในเม็ดเลือด[8] ซึ่งจากตารางที่ 3 จะเห็นว่าเมล็ดแมงลักเป็นแหล่งที่ดีของแร่ธาตุ โดยเฉพาะแมกนีเซียมที่มีถึง 315.53±2.15 ppm เมื่อเปรียบเทียบกับแร่ธาตุอื่นๆ
ส่วนการวัดค่า pH และบริกซ์พบว่าไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในทุกสิ่งทดลอง โดยที่มีค่าบริกซ์ ในช่วง 12.9-12.5 และค่าความเป็นกรดที่ร้อยละ 0.168-0.155
การประเมินทางประสาทสัมผัสพบว่า ทุกสิ่งทดลองได้รับการยอมรับในทุกลักษณะ แต่ T2 ซึ่งเติมเมล็ดแมงลักลงไป 2 กรัม มีค่าคะแนนสูงกว่าสิ่งทดลองอื่นๆ ซึ่งคะแนนที่ได้ลำดับตามมาคือT1 และ T3
จากการศึกษาสรุปได้ว่า เมล็ดแมงลักไม่เพียงเป็นแหล่งที่ดีของเยื่อใยและโปรตีนเท่านั้น ยังเป็นแหล่งที่ดีของ micronutrient และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ การใช้เมล็ดแมงลักที่พองตัวแล้วใส่ในเครื่องดื่มก็เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค การเติมเมล็ดแมงลักที่พองตัวแล้วในปริมาณ 0.3% ได้รับคะแนนด้านประสาทสัมผัสในด้านรสชาติ เนื้อสัมผัส และการยอมรับรวม ขณะที่การเติมในปริมาณ 0.4% มีความชอบน้อยที่สุดในทุกลักษณะ ดังนั้นเมล็ดแมงลักสามารถเติมลงในอาหารได้ต่างๆชนิดเพื่อใช้เตรียมอาหารที่มีคุณค่าเพิ่มด้านสุขภาพและโภชนาการ
เอกสารอ้างอิง