
อุตสาหกรรมอาหารนับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมส่งออกที่สำคัญ สามารถสร้างรายได้มูลค่ามหาศาลให้กับประเทศไทยในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการค้าโลกนับวันจะมีการเปิดเสรีมากขึ้น ส่งผลให้การส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารของไทยไปยังตลาดโลกประสบกับอุปสรรคต่างๆ เช่น การแข่งขันสูงในตลาดส่งออก นอกจากนี้การที่ผู้บริโภคในประเทศคู่ค้าสำคัญได้ให้ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงหันมาบริโภคสินค้าที่มาจากกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ทำให้ประเด็นการปล่อยก๊าชเรือนกระจกถูกหยิบยกเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดภาวะโลกร้อนจากภาคการผลิต และคาดว่าจะเป็นผลกระทบที่ทำให้เกิดข้อกีดกันทางการค้าในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้
จากอุปสรรคทางการค้าในตลาดโลกดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารของไทย จะต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจและรองรับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแนวทางหนึ่งที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยได้ คือ การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต โดยลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ในตลาดที่เปิดเสรีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การลดเพียงต้นทุนการผลิตอาจไม่เพียงพอต่อการยอมรับในผลิตภัณฑ์อาหารที่ผลิตได้ ยังจำเป็นที่จะต้องปรับกระบวนการผลิตอาหารให้ลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจก เพื่อให้ผู้บริโภคในประเทศคู่ค้ายอมรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มาจากประเทศไทย ผ่านกระบวนการผลิตที่ใส่ใจต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมหรือต่อปัญหาโลกร้อน
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร จึงจัดทำโครงการยกระดับการแข่งขันอุตสาหกรรมอาหารไทยด้วยการลดต้นทุนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Good Practices on Productivity and Continuous Improving to Carbon Label) ขึ้น โดยได้ดำเนินการยกระดับโรงงานในอุตสาหกรรมอาหาร ตามแนวทางการประเมินรอยเท้าคาร์บอน (Carbon Footprint) โดยโครงการนี้จะให้คำปรึกษาแนะนำเชิงเทคนิค รวมถึงการยกระดับองค์ความรู้ของบุคลากรในอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารไทย สามารถลดปริมาณของเสียจากการผลิต ลดต้นทุนการผลิตตลอดจนลดปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มผลิตภาพด้านการผลิต พัฒนา และยกระดับมาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศ และลดข้อกีดกันทางการค้าแล้ว ยังจะทำให้อุตสาหกรรมอาหารของไทยสามารถเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์เศรษฐกิจและข้อกีดกันทางการค้าจากตลาดโลก เพื่อแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของประเทศไทย ในการลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม และลดภาวะโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรม