ธันวาคม 2558
10 นโยบายสำคัญจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติของจีน ฉบับที่ 13
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2558 Mr.Ning Jizhe รองผู้อานวยการคณะกรรมการว่าด้วยการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติของจีน (China’s Reform and Development Commission) ได้แถลงในที่ประชุม The International Finance Forum ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อสรุป 10 ไฮไลต์หลัก ซึ่งจะเป็นพิมพ์เขียวที่ใช้กำหนดทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจีน
1. รักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับปานกลาง-สูง ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีนได้แถลงว่า เศรษฐกิจจีนควรจะเติบโตที่ระดับไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6.5 ต่อปี ระหว่างช่วงปี 2016-2020 และรายได้ต่อหัว (GDP per Capita) ของชาวจีนจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2020
2. เน้นการเติบโตเชิงคุณภาพ จีนจะปรับเปลี่ยนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยอาศัยการลงทุน (investment-driven) สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยอาศัยการบริโภค (consumption-driven) ซึ่งผลจากการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทาให้ปัจจุบันการเติบโต GDP มีสัดส่วนมาจากการบริโภคภายในประเทศมากกว่าร้อยละ 50 ซึ่งธุรกิจภาคบริการถือเป็นธุรกิจหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน
3. ผลักดันโครงการและนโยบายใหม่ๆ จีนได้ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย พัฒนาอุตสาหกรรมแขนงใหม่ ในปี 2015 รัฐบาลจีนได้ออกนโยบายที่สำคัญคือ Made in China 2025 ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวที่ชี้นำทิศทางการยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศจีน โดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
4. รัฐบาลจีนเพิ่มการจัดสรรงบประมาณไปยังภาคการบริการสาธารณะมากขึ้น ได้แก่ การลงทุนในด้านการศึกษา สาธารณสุข สุขอนามัย สิ่งแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐาน
5. เสริมสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศในระดับภูมิภาค แผนพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศโดยเน้นพัฒนาหลายพื้นที่ ได้แก่ พื้นที่รอบกรุงปักกิ่ง พื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้าแยงซี พื้นที่เมืองอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (Free Trade Zone) โดยในระดับภูมิภาคจีนได้ออกแผนพัฒนาเส้นทางสายไหมใหม่ หรือ One Belt One Road เพื่อยกระดับความร่วมมือกับประเทศต่างๆ
6. ขจัดความยากจนและยกระดับรายได้ของชาวจีนที่มีรายได้ต่ำ ปัจจุบันมีชาวจีนจำนวนกว่า 70 ล้านคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน โดยจีนมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้ของประชาชน นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของการพัฒนาสวัสดิการสังคม เพื่อลดช่องว่างทางรายได้ระหว่างประชาชนในเขตเมืองและเขตชนบท
7. จีนจะมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว จีนได้ยกประเด็นเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้เป็นหนึ่งในวาระสำคัญของแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับล่าสุด โดยจีนจะดำเนินการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ ได้แก่ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พัฒนาพลังงานทางเลือก และพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว เป็นต้น
8. กระตุ้นให้ประชาชนจับจ่ายมากขึ้น การเติบโตของ GDP จีนในปี 2557 การบริโภคภายในประเทศคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 50.2 ซึ่งการบริโภคภายในประเทศจีนยังถือว่ามีช่องว่างในการเติบโตอยู่ เนื่องจากประเทศจีนมีอัตราการออมเงินสูงมาก โดยในปี 2557 จีนมีเงินออมในระบบธนาคารสูงกว่า 1.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจีนมีอัตราการออมสูงเป็น 2-3 เท่าของประเทศสหรัฐอเมริกา
9. จีนจะผลักดันประชาชนที่อาศัยในเมืองให้มีใบสำมะโนครัวที่ถูกต้องตามกฎหมาย รัฐบาลจะออกนโยบายผ่อนปรนให้แรงงานพลัดถิ่นที่อาศัยในเขตเมือง สามารถขึ้นบัญชีสำมะโนครัวในเขตเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ โดยเชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายของประชาชนมากขึ้น
10. ประเทศจีนจะเปิดกว้างรับความเป็นสากลมากขึ้น รัฐบาลจีนจะออกนโนบายกระตุ้นการนำเข้าสินค้าและบริการจากต่างประเทศ รวมถึงกระตุ้นการใช้จ่ายของชาวจีนที่ออกไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยังมีการออกนโยบายกระตุ้นการลงทุนในต่างประเทศอีกด้วย
การค้าอาหารระหว่างไทย-จีน
มูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารของไทยไปจีนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราค่อนข้างสูงเฉลี่ยร้อยละ 16.5 ต่อปี ในปี 2558 มูลค่าส่งออกเท่ากับ 78,391.51 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2549 ที่มีมูลค่าเพียง 23,359.75 ล้านบาท โดยตลาดจีนนั้นทวีความสำคัญกับการส่งออกอาหารของไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเมื่อพิจารณาจากสัดส่วนมูลค่าส่งออกเทียบกับมูลค่าส่งออกอาหารทั้งหมด พบว่าในปี 2549 ตลาดจีนมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 4.46 เพิ่มขึ้นเป็น 8.68 ในปี 2558 จีนกลายมาเป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับ 3 ของไทย
สินค้าส่งออกไปจีนที่สำคัญ เช่น สตาร์ชจากมันสำปะหลัง ข้าวชนิดต่างๆ แป้งข้าว ทุเรียน ลำไย มังคุด และน้ำตาลทรายขณะที่ด้านมูลค่านำเข้าอาหารจากจีน ก็มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเช่นกัน มีอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 18.35 ต่อปี มูลค่านำเข้าในปี 2558 เท่ากับ 50,605.65 ล้านบาท ทั้งนี้ จีนเป็นแหล่งนำเข้าวัตถุดิบและอาหารที่มีสัดส่วนถึงร้อยละ 14.66 ของมูลค่านำเข้าอาหารทั้งหมดของไทย โดยร้อยละ 30 เป็นการนำเข้าผลไม้สดจำพวกแอ้ปเปิ้ล ส้มแมนดาริน องุ่น แพร์ และผลไม้สดเมืองหนาวอื่นๆ อีกร้อยละ 10.11 นำเข้าหมึกกล้วยแช่แข็ง ร้อยละ 8.24 นำเข้าปลาแช่แข็ง ต่างๆ เช่น ทูน่า ซาร์ดีน แม็คเคอเรล
download PDF ย้อนกลับ