สวัสดี

EU เตรียมออกกฎหมายบรรจุภัณฑ์และลดขยะจากบรรจุภัณฑ์ เน้น 3R – Reduce, Reuse, Recycle

แชร์:
Favorite (38)

17 มกราคม 2566

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 คณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอร่างกฎหมายสำหรับบรรจุภัณฑ์และขยะบรรจุภัณฑ์ฉบับใหม่ (EU legislation on Packaging and Packaging Waste) เพื่อรับมือปัญหาปริมาณขยะบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในยุโรป โดยมุ่งเน้น 3 แนวทางหลัก ได้แก่

 

  1. ลดการสร้างขยะ (reduce) กำหนดเป้าหมายให้แต่ละประเทศสมาชิกลดขยะบรรจุภัณฑ์ให้ได้ร้อยละ 15 ต่อประชากร 1 คน ภายในปี พ.ศ.2583 (เมื่อเทียบกับปี พ.ศ.2561) โดยการห้ามใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้งสำหรับอาหารและเครื่องดื่มที่บริโภคภายในร้านอาหาร ซองน้ำตาล ซองเครื่องปรุงต่าง ๆ จำกัดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ไม่จำเป็น อาทิ พลาสติกห่อผักและผลไม้ (ฝรั่งเศสนำร่องออกกฎหมายห้ามใช้พลาสติกห่อผักและผลไม้บางประเภทไปแล้ว ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2565) ขวดแชมพูและอื่น ๆ ที่ใช้ในโรงแรม
  2. การนำกลับมาใช้ใหม่ (re-use) ส่งเสริมการใช้ภาชนะที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือเติมได้โดยกำหนดว่า ร้อยละ 20 ของจำนวนเครื่องดื่มที่สั่งกลับบ้านที่ขายในร้านกาแฟแห่งหนึ่งจะต้องบรรจุในภาชนะที่นำมาใช้ใหม่ได้หรือภาชนะที่ลูกค้านำมาเองภายในปี พ.ศ.2573 และเพิ่มสัดส่วนเป็นร้อยละ 80 ในปี พ.ศ.2583 การขายเบียร์ในขวดแบบที่เติมได้อย่างน้อยร้อยละ 10 ของปริมาณที่ขายทั้งหมดภายในปี พ.ศ.2573 และเพิ่มเป็นร้อยละ 20 ในปี พ.ศ.2583 นอกจากนี้ กฎหมายฉบับใหม่นี้จะทำให้ข้อกำหนดเกี่ยวกับการติดฉลากบรรจุภัณฑ์ที่นำกลับไปใช้ใหม่ได้ชัดเจนขึ้น
  3. การรีไซเคิล (recycle) กำหนดเป้าหมายให้บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดในตลาดอียูต้องรีไซเคิลได้ภายในปี       พ.ศ.2573 ผ่านหลักเกณฑ์การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ระบบค่ามัดจำบรรจุภัณฑ์ (Deposit Return Scheme (DRS)) สำหรับขวดพลาสติกและกระป๋องอลูมิเนียม (ซึ่งบางประเทศยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ได้เริ่มใช้แล้ว) การติดฉลากให้ชัดเจนว่าบรรจุภัณฑ์แต่ละชิ้นควรทิ้งในถังขยะสีใด รวมถึงการกำหนดให้ชัดเจนว่าบรรจุภัณฑ์ประเภทใดต้องย่อยสลายได้ (compostable) เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถแยกทิ้งเป็นขยะชีวภาพได้ นอกจากนี้ อียูส่งเสริมให้เพิ่มการใช้พลาสติกรีไซเคิล โดยกำหนดอัตราขั้นต่ำของส่วนผสมจากพลาสติกรีไซเคิลที่ต้องมีอยู่ในบรรจุภัณฑ์พลาสติกใหม่ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับกฎหมาย EU SUPD ที่กำหนดให้ขวดพลาสติก PET ใหม่ ต้องมีส่วนผสมของพลาสติกรีไซเคิลอย่างน้อยร้อยละ 25 ภายในปี พ.ศ.2568 และเพิ่มเป็นร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ.2573 ซึ่งเป็นการสร้างตลาดให้แก่พลาสติกรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพและช่วยเพิ่มมูลค่าให้วัตถุดิบทุติยภูมิ

 

          นอกจากนี้ ร่างกฎหมายใหม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์เงื่อนไขเกี่ยวกับพลาสติกชีวภาพให้ชัดเจนขึ้น ดังนี้

 

 

          คณะกรรมาธิการยุโรปคาดการณ์ว่า การปรับปรุงกฎหมายบรรจุภัณฑ์นี้ จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากภาคบรรจุภัณฑ์ลงเหลือ 43 ล้านตันภายในปี พ.ศ.2573 จากเดิม 66 ล้านตัน (หากไม่มีการปรับปรุงกฎหมาย) และลดการใช้น้ำลง 1.1 ล้านลูกบากศ์เมตร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ แม้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตบรรจุภัณฑ์ชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้งจะต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่ แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็น่าจะนำไปสู่การสร้างงานใหม่ ๆ และช่วยส่งเสริมเป้าหมายการเป็นกลางทางภูมิอากาศของอียูภายในปี พ.ศ.2593 ด้วย

 

 

ที่มา : https://thaieurope.net/

download PDF ย้อนกลับ

สถาบันอาหาร

อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ เพื่อสถาบันอาหาร

2008 ซ.อรุณอมรินทร์ 36 ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700

Google map

ติดต่อสอบถาม

Email : fic@nfi.or.th
หรือ Call center
contact-img

0-2422-8688 ต่อ 3121
โทรสาร : 02-4228527