19 ธันวาคม 2551
สหภาพยุโรป ปรับกฎระเบียบการใช้สังเคราะห์ และสารปรับปรุงคุณภาพอาหาร
สืบเนื่องจากผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซาท์เทมตัน ประเทศสหราชอาณาจักรพบว่า การใช้สีสังเคราะห์ผลมอาหาร (Artificial colours) ร่วมกับสารโซเดียมเบนโซเอต (Sodium Benzoate) ในอาหารประเภทน้ำตาลและขนมหวาน อาจทำให้เด็กเป็นโรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder: ADHD) เพิ่มขึ้นซึ้งสีสังเคาระห์ดังกล่าวได้แก่ Tartrazine (E102), Quinoline Yellow (E104), Sunset Yellow (E110),Carmoisine (E122), Ponceau 4R (E124) และ Allura Red (E129)ทำให้หลายประเทศทบทวนการอนุญาตใช้สีสังเคราะห์ผสมอาหาร รวมไปถึงสารช่วยปรับปรุงคุณภาพอาหาร(FoodImprovement Agent) ได้แก่วัตถุเจือปน สารตี่งกลิ่น รส และเอนไซม์ ล่าสุดสหภาพยุโรปประกาศปรับกฎระเบียบ Food Improvement Agent Package ใน 4 เรื่อง ได้แก่
1.วัตถุเจือปน
2.สารแต่งกลิ่น รส
3.เอนไซม์
4.การปรับปรุงขั้นตอนการขออนุญาตใช้สารช่วยปรับปรุงคุณภาพ อาหารให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
สารระสำคัญในการปรับกฎระเบียบ Food Improvement Agent Package
-สารเจือปนที่จะได้รับอนุญาตใช้กับผลิตภัณฑ์อาหารจะต้องมี ความปลอดภัย ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม ไม่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดถึงประโยชน์จากการใช้สารเจือปนในผลิภัณฑ์
-ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการใช้สีสังเคราะห์จะต้องระบุฉลากอย่างชัดเจนเพื่อเป็นการแจ้งเตือนผู้บริโภค
download PDF ย้อนกลับ